“สิระ”ลงพื้นที่ทะเลสาบสงขลา เอาจริงผิดกฎหมายต้องรื้อ

        ปัญหาโพงพางที่กีดขวางทางเดินเรือในทะเลสาบสงขลา มองเห็นแนวทางแก้ปัญหาอย่างจริงจังแล้ว จากการที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายวันชัย ปริญญาศิริ ส.ส.เขต 1 สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ส.เขต 4 สงขลา พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย สำนักงานกรมเจ้าท่า ทหารเรือทัพเรือภาค 2 สงขลา ทรัพยากรน้ำทางทะเล ลงพื้นที่ดูปัญหาโพงพางและปัญหาการขุดลอกล่องน้ำเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา โดยเริ่มตรวจสอบจากท่าแพขนานยนต์ ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา ไปจนถึงสะพานติณสูลานนท์มีการปักโพงพางจำนวนมากหลายร้อยปากกีดขวางทางน้ำจนเรือสินค้าและเรือต่างๆ ไม่สามารถสวนทางกันได้

        นายสิระ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ลงเรือพร้อม ส.ส.สงขลา ตนรู้สึกไม่สบายใจเลย ทีแรกคิดว่าปัญหาเล็กๆ แต่มองแล้วเป็นปัญหาระดับชาติเพราะมากเหลือเกิน แล้วขวางทางน้ำมากจริงๆ ตนไม่ยอมแล้วไม่ว่าจะเป็นของคนไหนนายทุนอะไรหรือตำแหน่งใหญ่โตขนาดไหนไม่สนแล้ว ทำผิดกฎหมายแล้วจะมาเรียกค่าทดแทนโดยมีการคำนวณโพงพางน้ำลึก ปากละ 500,000 บาท และทั่วไป 300,000 บาท ไม่ได้ต้องเอาออกอย่างเดียวไม่ยอมแล้ว เอาออกทั้งหมดแต่เอาออกเท่าที่กีดขวางทางน้ำ 400 เมตร ในทางเดินเรือ แต่ถ้าผู้ประกอบการยังดื้อก็เตรียมตัวทำตามกฎหมายแน่นอน

        “ตอนนี้เรามีทั้งภาพทั้งเอกสารที่เคยลงชื่อกันมาก่อนหลายสิบปีผมจะนำปัญหาเรื่องโพงพางเข้าสภาให้เร็วที่สุด ส่วนจะมีผล กระทบกับอาชีพของผู้ประกอบการนั้นเราจะมีทางออกอยู่แล้ว แต่ขอให้พวกท่านเข้าใจด้วยนะครับว่าการกระทำทั้งหมดมันผิดกฎหมายทุกๆ ท่านต้องเข้าใจและต้องยอมรับก่อน แก้ไขปัญหาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมาแล้วทำไมจะแก้ไม่ได้ผมจะทำตามกฎหมาย ตรงไหนผิดว่ากันไปตามกฏหมายไม่ต้องเกรงใจ ทะเลใครจะเอามาเป็นเจ้าของไม่ได้” นายสิระ กล่าว

        จากการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าวได้สอบถามชาวบ้านในละแวกที่อยู่ใกล้โพงพางเปิดเผยว่า โพงพางที่กลับมาติดตั้งกันอีกโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย หลังจาก อดีต ผวจ.สงขลา เอาจริงสั่งรื้อไปแล้ว หายเงียบไประยะหนึ่ง แต่มีนายทุนให้การสนับสนุนกลับมาติดตั้งอีก บางโพงพางเจ้าของตัวจริงเป็นชาว อ.หาดใหญ่ บ้าง อ.สะเดา บ้าง อ.จะนะ บ้าง รวมทั้ง อ.เมืองฯ มีคนออกหน้าแทน กลุ่มผู้ที่มาติดต้้งโพงพางในทะเลสาบสงขลาที่กีดขวางทางเรือและคอยเรียกค่าเสียหายจากเรือที่แล่นมาและทำให้โพงพางเสียหาย รวมทั้งรอเรียกค่ารื้อถอน อยากให้ทางราชการใช้มาตรการที่เฉียบขาดจัดการ เนื่องจากมองแล้วบางส่วนไม่ได้เป็นชาวประมงที่แท้จริง แต่เป็นการมาหากินกันมากกว่า อยากให้ทำกันจริงจังให้ชัดเจน ไม่ควรปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป ผวจ.สงขลา คนปัจจุบันควรมาใส่ใจปัญหานี้ด้วย.