พัทลุง-อดีตประธานสภา อบจ.พัทลุง ยันราคากลาง 450 ล้านบาท เป็นราคากลางที่เหมาะสม ตั้ง 500 ล่านบาทแพงไปอาจไม่มีใครประมูล และวอนให้ทุกฝ่ายเตรียมแก้ปัญหาการขโมยรังนกในช่วงว่างการสัมปทาน
กรณีสัญญาการประมูลการจัดเก็บรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุงจะสิ้นสุดลงในวันที่ 14 มิถุนายน 2564 และมีการออกมาประกาศของคณะกรรมการรังนกฯให้สัมปทาน 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2564 – 14 มิถุนายน 2569 ในราคากลาง 500 ล้านบาท แต่หลังจากที่ประกาศขายซองเอกสารกาประมูลรังนกฯก็ยังไม่มีผู้ใดมาซื้อเอกสารฯ แม้แต่รายเดียว ทางด้านคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกฯจึงมีมติให้คณะกรรมการกำหนดราคากลางได้ประชุมเพื่อกำหนดราคากลางอีกครั้ง โดยในที่ประชุมมีความเห็นในการกำหนดราคากลางที่ 450 ล้านบาทเท่าราคาเก่า และ 500 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมฯมีมติกำหนดราคากลางที่ 500 ล้านบาทเหมือนครั้งที่ 1
ต่อมาในที่ประชุมคณะกรรมการรังนกฯ ได้มีมติเห็นชอบราคากลาง 500 ล้านบาท และยังมีมติลดราคาซองเอกสารการประมูลรังนกฯ ให้เหลือซองละ 10,000 บาท และลดหลักประกันสัญญาของผู้ชนะการประมูลรังนกฯเหลือร้อยละ 30 และเปิดขายซองเอกสารฯจนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ยื่นซองประมูลรังนกฯในวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 10.00 น. ณ หอประชุมจังหวัดพัทลุง และจะเปิดซองการประมูลในวันเดียวกัน เวลา12.00 น. ล่าสุดในขณะนี้ยังไม่ผู้ใดเข้ามาซื้อซองเอกสารแม้แต่รายเดียว ส่วนการติดต่อสอบถามก็ยังไม่มีเช่นกัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้นายประเสริฐ ดำสุด อดีตประธานสภา อบจ.พัทลุง ซึ่งเป็นคณะกรรมการในการยกร่างคณะกรรมการกำหนดราคากลาง เปิดเผยว่า ตนได้ติดตามความเคลื่อนไหวของการสัมปทานรังนกฯมาอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าสภาพเศรษฐกิจของโลกในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อการยื่นซองประมูลรังนกฯอย่างแน่นอน และยังเชื่อว่าการเปิดประมูลรังนกฯในครั้งที่ 2 น่าจะไม่มีผู้ใดเข้ามายื่นซองเช่นกัน จนนำไปสู่การประชุมกำหนดราคาประมูลฯในครั้งที่ 3 หากไม่มีผู้ใดยื่นซองประมูลฯก็จะนำไปสู่การประมูลฯโดยกรณีพิเศษในที่สุด และอาจจะนำไปสู่การแก้ไขเงื่อนไขของท้ายสัญญาอีกด้วย
“ผมเห็นว่าราคากลางประมูลฯ 450 ล้านบาทเป็นราคากลางที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากในขณะนี้การส่งออกรังนกไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนมีปัญหาส่งไม่ได้ ในขณะเดียวกันผมขอเรียกร้องให้นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้เตรียมวางมาตรการในการป้องกันปราบปรามการขโมยรังนกฯในพื้นที่ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน โดยใช้กำลังแบบบูรณาการร่วมกันระหว่าง จนท.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น ฯลฯ เนื่องจากในช่วงว่างของการยื่นซองสัมปทานรังนกฯในรอบ 5 ปีที่ผ่านมานั้น มีการเข้าไปขโมยรังนกกันมากมาย พร้อมทั้งฝากพี่น้องชาวพัทลุงช่วยติดตามการสัมปทานรังนกฯด้วย เนื่องจากเป็นผลประโยชน์ของชาวพัทลุงทุกๆคน”นายประเสริฐกล่าว.