ยะลา-ชาวบ้านยะรม อ.เบตง เดือดร้อน น้ำท่วมขังบนพื้นถนนส่งกลิ่นเหม็น ฝนตกหนักน้ำก็ท่วมจนบางครั้งรถไม่สามารถสัญจรผ่านไปมา พอแล้งมีน้ำท่วมขังบนพื้นถนนส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ไร้หน่วยงานรัฐเหลียวแล
ชาวบ้าน หมู่ 1 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเรื่องของน้ำท่วมขัง บนพื้นถนน จนส่งกลิ่นเหม็น ชาวบ้านเคยรวมตัว ออกมารวมตัวร้องทุกข์ผ่านสื่อมาถึง 2 ครั้งแล้ว ที่ผ่านมาได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาแก้ไขให้ แต่ปัญหาไม่ได้หมดไป เพราะเป็นการแก้ไขแบบขอไปที ชาวบ้านยังคงได้รับความเดือดร้อนจวบจนถึงปัจจุบันนี้ รวมระยะเวลาเกือบ 4 ปี ที่ชาวบ้านต้องทนทุกข์ทรมาน กับกลิ่นน้ำขัง เน่าเสีย
สำหรับถนนสายที่มีปัญหาดังกล่าวคือ ถนน นาคราชบำรุง เป็นถนนที่เชื่อมต่อมาจาก ถนนสุขยางค์ ในเขตเทศบาลเมืองเบตง และเชื่อมต่อกับพื้นที่ หมู่ 1 ของตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ระยะทางที่มีน้ำท่วมขัง ประมาณ 600 เมตร ณ จุดที่ว่านี้ไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออก ทั้ง 2 ฝั่งของถนนก็ยังคงมีน้ำขัง และยังส่งกลิ่นเหม็น รบกวนชาวบ้านตลอดเวลา จากการลงไปตรวจสอบของผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2564 พบว่า พื้นที่ดังกล่าวได้มีกลุ่มชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขัง ได้รวมตัวกันออกมาเรียกร้อง ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาช่วยเหลือ และหาทางแก้ไขให้อย่างเร่งด่วน
นางนูรตัสนีม กะโด เป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมีบ้านเรือนอาศัยอยู่ตรงจุดที่มีน้ำท่วมขัง โดยบ้านของนางนูรตัสนีมได้เปิดเป็นร้านขายเสื้อผ้า อยู่บริเวณดังกล่าว เล่าว่าตนได้รับความเดือนร้อน เรื่องน้ำท่วมขัง และส่งกลิ่นเหม็นมาเป็นระยะเวลานานมาก อีกทั้งยังลำบาก ทั้งกลิ่นเน่าเหม็น และในเรื่องของที่จอดรถ เวลาฝนตกหนักน้ำจะท่วมบนพื้นถนน จนบางครั้งรถไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ตนรู้สึกน้อยใจที่เคยร้องเรียนไป แต่ไม่ได้รับการเอาใจใส่ และได้รับการเหลียวแล จึงอยากให้ผู้มีส่วนรับผิดชอบได้เข้ามาแก้ไข อย่างเป็นรูปธรรมให้กับชาวบ้านเสียที เพราะหากถนนได้รับการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการค้าขาย การสัญจรไปมา และที่จอดรถทั้งสองฝั่งถนน รวมถึงชาวบ้านผู้ใช้ถนน จะได้รับความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
นายกิตติศักดิ์ ดามาอู เป็นชาวบ้านคนหนึ่งและอีกหลายๆคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขัง กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเองพร้อมชาวบ้านที่มีบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่สองฝั่งของถนนนาคราชบำรุง พื้นที่ หมู่ 1 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา ได้รับความเดือดร้อน เคยได้ร้องเรียนผ่านสื่อ มาแล้วครั้งหนึ่ง ประมาณช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2563 และครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ต้องออกมาร้องต่อสื่อขอให้ช่วยอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมาได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้ ชาวบ้านก็คาดหวังว่า ปัญหาดังกล่าวคงจะหมดสิ้นไปเสียที
“การร้องเรียนเมื่อครั้งก่อน ได้มีอดีตนายอำเภอเบตง เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงมาเจรจาพูดคุยกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เพื่อหาทางแก้ไขน้ำเน่าเสีย และหาทางระบายน้ำออกไป ในขณะนั้นได้มีชาวบ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบ ได้ยอมเสียสละพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งมีความกว้าง 6 เมตร ยาว 54 เมตร แต่มีข้อแม้ว่าหากมีการสร้างคูน้ำ ก็ขอให้ด้านบนทำเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อเป็นทางสัญจรที่จะให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เมื่ออดีตนายอำเภอในขณะนั้นรับทราบเรื่องดังกล่าว ได้ประสานกับกรมทางหลวงชนบท และได้รับปากกับชาวบ้านว่าทางหน่วยงานพร้อมที่จะนำเอาเครื่องจักรกลลงพื้นที่ เพื่อจัดการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เสร็จสิ้น ภายในไม่เกินสิ้นปี 2563 ที่ผ่านมา”นายกิตติศักดิ์กล่าว
นายกิตติศักดิ์กล่าวอีกว่า แต่จวบจนปัจจุบัน ยังไม่เห็นมีหน่วยงานที่ว่า ลงมาดำเนินการ และให้ความช่วยเหลือตามที่ได้ให้สัญญาไว้กับชาวบ้านแต่ประการใดเลย และปีนี้ย่างเข้าปีที่ 4 ที่ชาวบ้านยังต้องทนทุกข์ทรมานกับปัญหาเดิมๆ และจะเป็นไปในลักษณะนี้อีกนานเท่าไหร่ หนักเข้าคือปัจจุบันนี้ดูเหมือนน้ำที่ท่วมขัง นับวันยิ่งส่งกลิ่นเหม็นหนักขึ้นหลายเท่า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจของชาวบ้าน และผู้สูงอายุโดยตรง และทุกครั้งที่ฝนตกหนัก น้ำก็จะท่วมสูงกว่าถนน เนื่องจากระบายไม่ทัน ทำให้น้ำไหลเข้าสู่บ้านเรือนของประชาชน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือนร้อนอย่างหนัก และยังมีปัญหาเรื่องทัศนวิสัยของรถที่สัญจรไปมา อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ รวมถึงสิ่งปลูกสร้าง และพืชผักของชาวบ้าน ก็ได้รับความเสียหายอยู่เป็นประจำ
”จึงใคร่ขอวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยเหลือ และแก้ปัญหา อย่างยั่งยืนให้กับชาวบ้าน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนที่เป็นผู้อาศัย และผู้มาเยือนเบตงต่อไป” นายกิตติศักดิ์กล่าว.