ซีพีเอฟ สานต่อโครงการ "ซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต" ปีที่ 8 ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารคุณภาพ
หมวดหมู่ : ภาพข่าวสังคม, ทั่วไป, ภาคอีสาน,
โฟสเมื่อ : 6 ก.ค. 2565, 08:00 น. อ่าน : 977 มุกดาหาร
(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) - นายวลัยพรรณ น้อยสันเทียะ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นผู้แทน นายเฉลิมพล มั่งคั่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร รับมอบ “โครงการซีพีเอฟ อิ่มสุข ปลูกอนาคต” จาก
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ
เพื่อสร้างโภชนาการที่ดีในเด็กและเยาวชน แก่โรงเรียนป่าไร่ป่าชาดวิทยา ตำบลป่าไร่
อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร
พร้อมสร้างกระบวนการเรียนรู้และส่งเสริมการเข้าถึงอาหารคุณภาพ ปลอดภัย
และเหมาะสมตามหลักโภชนาการแก่เยาวชน
สนับสนุนสู่การพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบในโรงเรียนและชุมชนต่อไป โดยมี
นายดำริห์ แสงสินธุ์ชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ เป็นผู้แทนส่งมอบ ร่วมด้วย
นายพิเชษฐ มหาวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร
นายวลัยพรรณ
น้อยสันเทียะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวขอบคุณซีพีเอฟ
ที่ได้แบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับเยาวชนที่จะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป
การดำเนินงานของ “โครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต”
เพื่อให้เกิดความสำเร็จนั้นจะต้องประกอบด้วยภาคส่วนที่สำคัญ ส่วนแรกคือซีพีเอฟ
ในฐานะภาคเอกชนผู้ส่งมอบองค์ความรู้และแนวทางปฏิบัติต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมด้านโภชนาการ ส่วนที่สองคือโรงเรียน ในฐานะภาครัฐ
โดยมีคณะครูและนักเรียนเป็นผู้ขับเคลื่อนให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนด
ส่วนที่สามคือภาคประชาสังคม
ทั้งพ่อแม่ผู้ปกครองและชุมชนรอบข้าง
ที่ต้องมาช่วยกันผลักดันให้เกิดความสำเร็จ
“ภาคเอกชน ภาครัฐ
และภาคประชาสังคม คือ 3 ภาคส่วนที่มีความสำคัญในการดำเนินโครงการฯ นี้อย่างมั่นคง
และทำให้เกิดความยั่งยืนต่อไปได้ในอนาคต ขอขอบคุณซีพีเอฟอีกครั้ง
ที่ร่วมสร้างโภชนาการที่ดีให้กับเด็กๆ
และสร้างโอกาสที่ดีให้กับโรงเรียนและนักเรียน
ที่ทุกคนมีความต้องการในการพัฒนาโรงเรียนให้เป็นแหล่งสร้างอาหารปลอดภัย
และแหล่งเรียนรู้แก่นักเรียน ครู และผู้ปกครองต่อไป”
รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าว
ด้าน นายพิเชษฐ
มหาวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร
เปิดเผยว่า
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ
ผนึกกำลังกับ ซีพีเอฟ และมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ดำเนิน
“โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” ตั้งแต่ปี 2532
เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
เพื่อเสริมสร้างโภชนาการที่ดีและการเติบโตสมวัยทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา
ให้แก่เด็กและเยาวชนในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกลและในถิ่นทุรกันดาร
จากความสำเร็จของโครงการฯ ดังกล่าว ในปี 2558 สพฐ. และซีพีเอฟได้ร่วมกันดำเนิน
“โครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต”
เพื่อต่อยอดความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมสร้างโภชนาการที่ดีในเด็กและเยาวชนอย่างไม่สิ้นสุด
“การดำเนินโครงการฯ
ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 บนพื้นฐานความร่วมมือเชิงบูรณาการ 3 ประสาน เป็นการขยายผลกระบวนการเรียนรู้และส่งเสริมการเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพปลอดภัย
และเหมาะสมตามหลักโภชนาการไปยังเด็กนักเรียน
พร้อมสนับสนุนการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ต้นแบบในโรงเรียนและชุมชน
โดยโรงเรียนป่าไรป่าชาดวิทยา ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จของโครงการฯ
จากการพัฒนาพื้นที่ภายในโรงเรียน เกิดเป็น 7 ฐานเรียนรู้
ทั้งการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวัน อุโมงค์ผักและศูนย์การเรียนรู้ศาสตร์พระราชา
การเลี้ยงปลา หลุมพอเพียง ไม้ผลแบบผสมผสาน แปลงผักปลอดสาร ปลูกเห็ดในโรงเรือน
ปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ และร้านค้าอิ่มสุขโรงเรียน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมทั้งทักษะวิชาการและพัฒนาสู่พื้นฐานการประกอบอาชีพในอนาคตของเยาวชนได้เป็นอย่างดี”
นายพิเชษฐ กล่าว
ด้าน นายดำริห์ แสงสินธุ์ชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้กลยุทธ์ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืน “อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่าคงอยู่” พร้อมทั้งสร้างความตระหนักและส่งเสริมพนักงานมีส่วนร่วมตอบแทนสังคม ดูแลชุมชนรอบสถานประกอบการ ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยเสาหลักด้าน “อาหารมั่นคง” เป็นเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมการเข้าถึงอาหารแก่เด็กและเยาวชน ผ่าน “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” ตลอดระยะเวลา 34 ปี จนถึงปัจจุบันมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้ว 905 โรงเรียนทั่วประเทศ มีนักเรียนมากกว่า 180,000 คน และยังเป็นแหล่งเรียนรู้การจัดการอาชีพเกษตรเชิงธุรกิจให้กับครู 12,000 คน และชุมชน 1,900 แห่งได้รับประโยชน์จากโครงการฯ กระทั่งต่อยอดสู่ “โครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต” ไปยังโรงเรียนในพื้นที่รอบโรงงานและฟาร์มของบริษัท มากกว่า 80 แห่ง สู่น้องๆนักเรียนรวมกว่า 16,000 คน ที่ชาวซีพีเอฟจิตอาสาร่วมกันเข้าไปช่วยสร้างแหล่งอาหาร แหล่งเรียนรู้ และพัฒนาเป็นโรงเรียนต้นแบบนวัตกรรมการสร้างอาหารในชุมชน
“ซีพีเอฟเชื่อมั่นว่า
“หากให้ปลาหนึ่งตัว จะมีกินหนึ่งวัน แต่การสอนจับปลา จะมีกินตลอดไป”
เมื่อเด็กและเยาวชน “อิ่มท้อง” จากการเรียนรู้วิธีการผลิตอาหาร
ควบคู่ไปกับวิถีการบริโภคอย่างมีสุขโภชนาการ
ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการมีจิตใจแจ่มใส พร้อมเล่นและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เรียกได้ว่า
“สุข” ทั้งกาย ใจ สังคม และปัญญา ซึ่งถือเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของการ “ปลูกอนาคต”
เพื่อเด็กและเยาวชน และจะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าและมั่นคงต่อไป”
นายดำริห์ กล่าวทิ้งท้าย.