จ.ส.ต.เมาเขม่นในผับชักปืนยิงคนเที่ยวดับ 1 เจ็บ 2

หมวดหมู่ : ตรัง, ทั่วไป,

อ่าน : 485
ตำรวจหน่วยสวาท (SWAT) ศรีตรัง จ.ส.ต.เมาหนัก ก่อเหตุโหด
จ.ส.ต.เมาเขม่นในผับชักปืนยิงคนเที่ยวดับ 1 เจ็บ 2

ตรัง- ตำรวจหน่วยสวาท (SWAT) ศรีตรัง ยศ จ.ส.ต.เมาหนัก ก่อเหตุโหดใช้ปืนพก 9 มม. ยิงนักเที่ยวตาย 1 เจ็บ 2 คาผับดังเมืองตรัง ปมเขม่นหน้ากันในผับ หลังถีบเก้าอี้ไปโดนผู้ตาย แต่ถูกผู้ตายผลักออกกลับ ยิงกราด 10 กว่านัดเจาะร่างพรุน นักเที่ยวหนีตายกระเจิง ส่วนมือยิงแล้วหลบหนีพร้อมเพื่อนตำรวจที่ไปด้วย


เหตุรายนี้ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.65  เวลา 01.15 น. ร.ต.อ.เอกลักษณ์ ศักดิ์ชัยนันท์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งเหตุยิงกันตาย และมีผู้บาดเจ็บ ที่สถานบันเทิงชื่อ คันทรี่โฮม ตั้งอยู่เลขที่ 205 หมู่ 4 ถนนพัทลุงต.บ้านโพธิ์ (ตรงถนนทางเข้า บขส.ตรัง) อ.เมืองตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาดำ ผกก.สภ.เมืองตรัง พ.ต.ท.เมธี ภิญโญประการ รอง ผกก.(สืบสวน) พ.ต.ท.อนุชัยสวยงาม รอง ผกก. (สอบสวน) กำลังชุดสืบสวน สภ.เมืองตรัง ชุดสืบสวน ภ.จว.ตรัง และแจ้งประสานไปยัง ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง แพทย์เวร รพ.ตรัง หน่วยกู้ชีพ รพ.ตรัง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง ไปร่วมตรวจสอบ


เมื่อไปถึงสถานที่เกิดเหตุ ยังอยู่ในช่วงเวลาที่ผับยังเปิดให้บริการ พบลูกค้าจำนวนมากรวมทั้งพนักงานในร้านต่างแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มนที่เกิดเหตุพบร่างของนายจิตกร คงจันทร์ หรือขาว อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่79/1 หมู่ 8 ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เป็นคนสนิทนักการเมืองท้องถิ่น และบุคคลมีชื่อเสียงของ จ.ตรัง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. เข้าที่หลังศีรษะจำนวน 2 นัด กระสุนทะลุปาก สะบักหลังซ้าย 3 นัด ชายโครงขวา 1 นัดต้นแขนขวา 3 นัด รวม 9 นัด สภาพนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตจมกองเลือดใกล้โต๊ะนั่งในผับ ส่วนได้รับผู้บาดเจ็บเป็นเพื่อนผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายเอกพจน์ เพ็ชรรัตน์ หรือต้อม อายุ 34 ปี ถูกกระสุนปืนเข้าที่สะโพกซ้าย 1 นัด ข้อเท้าซ้าย 1 นัด และผู้บาดเจ็บไม่ทราบชื่ออีก 1 ราย ถูกลูกหลงกระสุนเจาะเข้าบริเวณข้อซอกซ้าย 1 นัด เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย เร่งช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรีบนำผู้บาดเจ็บ ส่งไปรักษาตัวที่ รพ.ตรัง 


เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 11 ปลอก ตกอยู่บนพื้น หัวกระสุนจำนวน 1 หัว และลูกกระสุนปืนที่ยังไม่ได้ใช้งานอีก 1 นัด ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุทางพนักงานรักษาความปลอดภัยหรือการ์ดของร้าน ได้แย่งจากคนร้ายไว้ได้ เป็นอาวุธปืนยี่ห้อ กล็อก ขนาด 9 มม. 1 กระบอก ภายในแม็กกาซีนยังบรรจุลูกกระสุนหลงเหลืออยู่จำนวน 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบและเก็บไว้เป็นหลักฐาน 


จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า กลุ่มผู้เสียชีวิตมานั่งดื่มกินกันช่วงเที่ยงคืน จำนวน 3 คน ที่โต๊ะหมายเลข20 มีนายจิตกร หรือขาว ผู้ตาย นายเอกพจน์ หรือต้อม ผู้บาดเจ็บ และ นายวุฒิชัย คงแป้น หรือเด่น อายุ 42 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ จ.ส.ต.ชุติพนธ์ นาคแก้ว หรือจ่าเบิร์ด ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.บ้านหนองเอื้อง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ปฎิบัติหน้าที่ช่วยราชการชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) ภ.จว.ตรัง มานั่งดื่มกินพร้อมกับเพื่อนซึ่งเป็นตำรวจด้วยกัน รวม 2 นาย ที่โต๊ะหมายเลข 23 โดยตำรวจทั้ง 2 ราย เป็นอดีตการ์ดของทางร้าน เพิ่งลาออกจากร้านไปได้ประมาณ 1 เดือน  มานั่งดื่มกินกันช่วงประมาณ 3 ทุ่ม และทั้งสองฝ่ายเป็นลูกค้าประจำของร้านก่อนจะก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ทำให้การ์ดของร้านได้เข้าล็อคตัวผู้ก่อเหตุและยื้อแย่งอาวุธปืนจากมือยิงมาได้ ทำให้มือยิงและเพื่อนตำรวจด้วยกันวิ่งออกจากร้านและขับรถหลบหนีไป


ทางด้าน น.ส.แอน (ขอสงวนชื่อ-สกุล) พนักงานเสิร์ฟของร้าน เล่าให้ตำรวจฟังว่า ตำรวจทั้ง 2 นาย มานั่งดื่มและเมาหนักมาก คาดว่าดื่มมาจากที่อื่นแล้ว ก่อนที่มือยิงจะถีบเก้าอี้กระเด็นไปโดนผู้ตายทำให้ผู้ตายโมโห ลุกขึ้นไปผลักมือยิงออก ก่อนที่ผู้ตายจะเดินขึ้นมาทางบันไดชั้น 2 จากนั้นชักอาวุธปืนเดินตามประกบหลังและยิงใส่จากด้านหลัง  จากนั้นเพื่อนของผู้ตายเดินขึ้นจากโต๊ะไปช่วยทำให้โดนยิงไปด้วย ซึ่งระหว่างเกิดเหตุมีลูกค้านั่งกันประมาณ 20 โต๊ะ 


ขณะที่นายวุฒิชัย คงแป้น หรือเด่น อายุ 42 ปี เพื่อนที่มาด้วยกันกับผู้เสียชีวิต เล่าว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครกันมาก่อน มานั่งดื่มกินกันปกติ ตอนเกิดเหตุตนกำลังเต้นอยู่ห่างจากโต๊ะ มารู้อีกทีก็ได้ยินเสียงปืน และเห็นผู้ก่อเหตุเดินมาไล่ยิงเพื่อนตน


พ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาว์ดำ ผกก.สภ.เมืองตรัง เปิกเผยว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 22.00 น.ได้สั่งการให้ทางตำรวจ สภ.เมืองตรัง เข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยตามปกติประจำทุกวัน และเตรียมที่จะออกตรวจอีกครั้งในช่วงร้านปิดให้บริการ แต่ปรากฏว่าได้เกิดเหตุดังกล่าวก่อน ที่ผ่านมาทางตำรวจได้ปฏิบิติหน้าที่อย่างเคร่งครัดมาตลอดและหลังจากนี้จะกำชับดูแลให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวพยาน ซึ่งเป็นเพื่อนผู้เสียชีวิต และพนักงานเสิร์ฟของร้านทั้งหมดจำนวน 7 ปากไปสอบปากคำ เบื้องต้นให้การสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันและเป็นประโยชน์กับทางคดี สาเหตุคาดว่ามาจากมีเรื่องเขม่นกันภายในร้าน แต่ยังคงไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ทิ้ง ที่อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน ส่วนตำรวจผู้ก่อเหตุขณะนี้ได้จัดชุดติดตามไล่ล่าตัวให้ได้โดยเร็ว ข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.