ทรูเอาจริง! ส่งทนายแจ้งจับโจรลักอุปกรณ์เสาสัญญาณ ลั่นดำเนินคดีถึงที่สุด
หมวดหมู่ : ภาพข่าวสังคม, ทั่วไป, ภาคตะวันออก,
โฟสเมื่อ : 3 ก.ย. 2567, 00:16 น. อ่าน : 229บรรยายภาพ : นายฤทธิรอน เพริดพร้อม ทนายความจากสำนักงานกฎหมายบี แอนด์ แอล ตัวแทน ทรูคอร์ปอเรชั่น และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนิคมอุตสาหกรรมฯ ผู้เห็นเหตุการณ์ในพื้นที่เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ชาติคณิณพ์ อินทร์สอน สารวัตร (สอบสวน) สภ.พานทอง จ.ชลบุรี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับโจรลักทรัพย์อุปกรณ์เสาสัญญาณมือถือทรูในพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี เมื่อเร็วๆ นี้
ชลบุรี -
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2567 ทรู คอร์ปอเรชั่น
ลุยแจ้งจับโจรลักทรัพย์เสามือถือเหตุกระทบบริการลูกค้า
ตั้งสำนักงานกฎหมายตัวแทนเพื่อร่วมกับตำรวจเอาจริงทุกคดี
ทั้งลักทรัพย์แบตเตอรี่ลิเธียม สายไฟ หรืออุปกรณ์ประจำสถานีฐานทั่วไทย
ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับการให้บริการในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะภาคตะวันออก
และภาคอีสาน
พร้อมขยายผลร่วมมือกับตำรวจสืบหาแหล่งแก๊งโจรและเส้นทางการเงินเพื่อจับกุมมาดำเนินคดีทุกรายให้ถึงที่สุด
และสืบค้นตลาดมืดรับซื้อของโจรต่อไป
พร้อมเตือนด้วยความห่วงใยคนซื้อแบตเตอรี่ลิเธียมมือสองระวังถูกหลอกรับซื้อของโจร
ความเสียหายจากขบวนการลักทรัพย์เสามือถือในพื้นที่ต่างๆ
ประกอบด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม สายไฟ เครื่องปรับอากาศ โซลาร์เซลล์
ซึ่งหลายแห่งมีการลักทรัพย์อุปกรณ์ที่เป็นเหล็ก บันได รั้ว
รวมถึงถอดน็อตทำให้เกิดเหตุเสาล้มนำความเสียหายมาให้แก่ประชาชนในพื้นที่
ล่าสุด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) ได้มอบหมายให้ สำนักงานกฎหมายบี แอนด์ แอล เป็นผู้แทนรับมอบอำนาจจากทรู
คอร์ปอเรชั่น เข้าพบ เข้าพบ พ.ต.ท.ชาติคณิณพ์ อินทร์สอน สารวัตร (สอบสวน)
สถานีตำรวจภูธรพานทอง จ.ชลบุรี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับโจรลักทรัพย์อุปกรณ์เสาสัญญาณมือถือทรูในพื้นที่
นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี จากเหตุโดนโจรตัดสายไฟเพื่อลักทรัพย์นำไปขายต่อ
อันจะทำให้เกิดเหตุเสาสัญญาณหยุดบริการสะดุดชั่วคราว
พร้อมมอบหลักฐานสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่ขยายผลการสืบสวนต่อไป
นายฤทธิรอน เพริดพร้อม
ทนายความจากสำนักงานกฎหมายบี แอนด์ แอล ตัวแทนทรูคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า
“เหตุการณ์ลักทรัพย์นี้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่
ซึ่งนับเป็นสาธารณูปโภคดิจิทัลพื้นฐาน
เนื่องจากสถานีฐานต้องหยุดทำงานชั่วคราวเพราะขาดระบบจ่ายไฟ
ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถใช้บริการโทรศัพท์มือถือได้ตามปกติ
ทั้งการติดต่อสื่อสารพื้นฐาน การใช้แอปพลิเคชันในชีวิตประจำวัน การทำธุรกิจ
ธุรกรรมออนไลน์ และการศึกษา ซึ่งสร้างความเดือดร้อนแก่สาธารณชนอย่างกว้างขวาง
ทางสำนักงานกฎหมายจะดำเนินการฟ้องร้องทางอาญาในข้อหาลักทรัพย์โดยเน้นความผิดสถานหนัก ในทุกกรณีไม่ว่าจะกระทำความผิดคนเดียวหรือตั้งแต่สองคนขึ้นไป ใช้ยานพาหนะ หรือลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในเหตุฉกรรจ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 โดยระวางโทษจำคุกได้ถึง 7 ปี และปรับสูงสุดถึงหนึ่งแสนบาท แล้วแต่กรณี โดยมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ การฟ้องร้องดำเนินคดีในความผิดฐานนี้ไม่สามารถยอมความได้ พร้อมทั้งจะฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากทรัพย์สินด้วยมูลค่าสูงสุด”
ทั้งนี้ สำนักงานกฎหมายบี แอนด์ แอล ตัวแทน บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ในทุกพื้นที่ในการสืบสวนและขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการลักทรัพย์ทั้งหมด รวมถึงการทลายแหล่งที่ใช้ในการแปรรูปและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ถูกขโมยมา ไม่ว่าจะเป็นการขายในตลาดมืดหรือผ่านช่องทางออนไลน์
“ขอให้ประชาชนระมัดระวังในการซื้ออุปกรณ์มือสอง
โดยเฉพาะแบตเตอรี่ลิเธียมที่มักนำไปใช้ร่วมกับระบบโซลาร์เซลล์ในบ้านเรือน
ควรเลือกซื้อจากผู้ขายและร้านค้าที่น่าเชื่อถือ
และสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาการนำเข้าของสินค้าได้
เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นผู้เสียหายจากการรับซื้อของโจรโดยไม่รู้ตัว” นายฤทธิรอน
กล่าวในที่สุด.