รมว.ทส.เปิดจ้างงานช่วยกู้วิกฤตโควิด-19

หมวดหมู่ : เศรษฐกิจ, นครศรีธรรมราช,

อ่าน : 932
ไวรสโควิด-19 จ้างงานผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 16488 อัตรา รมว.ทส.
รมว.ทส.เปิดจ้างงานช่วยกู้วิกฤตโควิด-19

นครศรีธรรมราช- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดตัวโครงการจ้างงานประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด – 19 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช


       การเปิดโครงการจ้างงานจากวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ นายวราวุธ  ศิลปอาชา  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร

ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ไปเป็นประธานเปิดโครงการจ้างงานให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2563 โดยมีนายศิริพัฒ  พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยผู้บริหารของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมต้อนรับ


        นายวราวุธ ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงานภายใต้โครงการจ้างงานให้กับประชาชนฯ ที่สมัครเข้าร่วมโครงการกับหน่วยงานจ้างงาน คือ สำนักปลัด ทส. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช กรมป่าไม้  และ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.)  ว่า 4 หน่วยงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นลูกจ้าง เพื่อเป็นผู้ช่วยงานเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้วทุกหน่วยงานทั้ง 76 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 16,488 อัตรา มีสัญญาจ้าง 3 เดือน ๆ ละ 9,000 บาท เริ่ม 1 ก.ค.- 30 ก.ย. 2563 และเพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย จึงได้กำหนดให้มีการสำรองบุคคลไว้ 15%  เพื่อทดแทนกรณีลูกจ้างลาออกระหว่างปฏิบัติงาน เพื่อความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ มีการจัดทำสัญญาจ้างระหว่างหน่วยงาน และผู้ที่ได้รับการจ้างงาน พร้อมกันนี้หน่วยงานมีการประสาน/ติดต่อธนาคารเพื่อบริการ  ผู้รับจ้างในการเปิดบัญชีรับเงิน โดยเงินค่าจ้างจะเข้าบัญชีผู้ที่ได้รับการจ้างโดยตรง นอกจากนี้กระทรวงฯ กำลังวางแผนที่จะขอเงินจากเงินกู้ 4 แสนล้านบาทมาเพื่อจ้างงานต่อไปอีก 1 ปี ถึง 30 ก.ย. 2564 ด้วย 


       สำหรับผลสัมฤทธิ์ หรือผลลัพธ์ที่จะได้หลังสิ้นสุดโครงการจ้างงาน ทุกตำบลทั่วประเทศจะมีข้อมูลจากการสำรวจ 7 ชุด ประกอบด้วย 1.แปลงเกษตรในพื้นที่ประสบภัยนอกเขตชลประทาน (ภัยแล้ง/น้ำท่วม) 2.โครงสร้างพื้นฐานด้านแหล่งน้ำที่ชำรุดเสียหาย (อ่างเก็บน้ำ ฝาย คลองชลประทาน ประปาหมู่บ้าน ฯลฯ) 3.บ่อบาดาลสาธารณะที่ต้องการปรับปรุงซ่อมแซม 4.การจัดการขยะในหน่วยงาน/ชุมชน  5.พื้นที่สีเขียวที่มีอยู่ในปัจจุบันที่ต้องการอนุรักษ์ฟื้นฟู (ไม่เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ)  6.ชนิดพันธุ์ไม้ที่ชุมชน/ประชาชนต้องการ 7.ข้อมูลเครือข่ายองค์กร และเครือข่ายภาคประชาชน  ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 


       ”ทั้งนี้ข้อมูลที่ได้ทั้งหมดจะนำไปสู่การทำแผนชุมชนและการจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระดับตำบล ได้ข้อมูลการครอบครองที่ดิน  ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่ 23 จังหวัด รวม 2,660 หมู่บ้าน เนื้อที่ 1.8 ล้านไร่ เพื่อนำไปสู่การ  จัดที่ดินแก่ประชาชนตามนโยบาย คทช. และ เกิดความร่วมมือจาก 622 เครือข่ายไฟป่า ในพื้นที่ 31 จังหวัด มีการปลูกฟื้นฟูป่าหลังถูกไฟไหม้ เนื้อที่ 18,660 ไร่ เพื่อให้ป่าคงความอุดมสมบูรณ์โดยผลลัพธ์ที่ได้จะนำไปสู่การดูแลรักษาและใช้ประโยชน์จากผืนป่า “สร้างป่า สร้างงาน สร้างรายได้ แหล่งน้ำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 60 แห่ง เขตห้ามล่าสัตว์ป่า 56 แห่ง และหน่วยควบคุมพื้นที่เตรียมการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 2 แห่ง รวม 118 แห่ง มีแหล่งน้ำแหล่งอาหารของสัตว์ป่า จำนวน 2,107 แห่ง ช่วยลดผลกระทบจากภัยแล้ง และสัตว์ป่ามีน้ำและอาหารในพื้นที่ป่าชายเลนในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา มีการใช้ประโยชน์เนื้อที่เท่าไร/พิกัดใดที่มีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการเกษตรอื่น ๆ การสร้างอาคารร้านค้า/ร้านอาหาร รวมถึงบ้านประชาชน” นายวราวุธ กล่าว.