วิกฤตปลากะพง 3 น้ำ กรมการค้าภายใน จับมือ ส.ภัตตาคารฯ ช่วยรับซื้อ

        สงขลา - กระทรวงพาณิชย์สั่ง กรมการค้าภายใน ประสานภาคเอกชน หน่วยราชการ และสมาคมภัตตาคารไทย เข้ามาช่วยรับซื้อปลากะพง 3 น้ำ ของเกษตรกรจังหวัดสงขลา ที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตโควิด-19 ไม่มีสถานที่จำหน่ายและราคาลดลง เบื้องต้นรับซื้อ 500 ตัน ภายใน 3 เดือน แต่ขณะนี้มีตัวเลขรับซื้อถึง 650 ตัน

        จากกรณีเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพง จังหวัดสงขลา ได้รับความเดือดร้อนไม่มีสถานที่จำหน่ายและราคาปรับลดลง เนื่องจากเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้รับมอบหมายจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย โดยนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาการระบายปลากะพงให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอสิงหนคร อำเภอเทพา และอำเภอจะนะ โดยได้มีการจัดประชุมในพื้นที่บ้านท่าเสา ตำบลสทิงหม้อ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา มีเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงเข้าร่วมประชุม 140 ราย ผลจากการประชุมหารือได้มีข้อยุติร่วมกันคือ เบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชนรับซื้อปลากะพง จำนวนประมาณ 500 ตัน ในราคาตันละ 130,000 บาท และเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ส่วนปลากะพง ขนาด 800 กรัม-3 กิโลกรัม จะประสานให้ร้านอาหาร โรงแรม ภัตตาคาร และตลาด เข้ามาดำเนินการรับซื้อในราคาที่ใกล้เคียงกัน 

        ด้าน นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมภัตตาคารไทยได้เข้ามาร่วมกับกรมการค้าภายใน ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพง ในการระบายปลากะพง จากวิกฤตไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับที่เคยช่วยเหลือระบายผลไม้และกุ้งมาแล้ว โดยให้ร้านอาหารและภัตตาคารช่วยกันซื้อไปปรุงอาหาร รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้กรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือภาคเอกชนอื่น มาช่วยกันรับซื้อไปจำหน่ายด้วย ได้แก่ แม็คโคร, เทสโก้ โลตัส, บิิ๊กซี, ท็อป, วิลล่า มาร์เก็ต เจพี, บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป, หจก.จูพร มหาชัยซีฟู้ด และส่วนราชการต่างๆ ขณะนี้ทราบว่ามียอดกระจายไปได้ถึง 650 ตัน คาดว่าจะสามารถกระจายตลาดไปได้หมดตามกำหนด

        สำหรับปลากะพง 3 น้ำ ทะเลสาบสงขลา เป็นปลาที่มีลักษณะการเลี้ยงในพื้นที่พิเศษ มีความได้เปรียบเชิงนิเวศทางธรรมชาติ อันมาจากการไหลเวียนของน้ำถึง 3 อย่าง ได้แก่ น้ำเค็ม น้ำจืด และน้ำกร่อย ที่มีการผสมผสานอย่างลงตัว มีแห่งเดียวในประเทศไทย และมีกระบวนการเลี้ยงแบบดังเดิมที่ใช้ระยะเวลานานถึง 2 ปี ขึ้นไป ยาวนานกว่าพื้นที่อื่น ทำให้ปลากะพงมีขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 3 กิโลกรัมขึ้นไป ไขมันใต้ท้องจำนวนมาก เนื้อนุ่ม หนังปลามีความหนาเป็นพิเศษ มีลักษณะแตกต่างจากปลากะพงที่อื่นที่เลี้ยงเพียง 8-12 เดือน ประกอบกับปลากะพงสามน้ำทะเลสาบสงขลา ได้รับอาหารที่มาจากธรรมชาติ ได้แก่ สัตว์เล็กๆ บริเวณหน้าดิน แพลงตอน สาหร่ายทะเลชนิดต่างๆ จึงทำให้ปลากะพงทะเลสาบสงขลา มีรสชาติเนื้อปลาที่หวาน ไม่มีกลิ่นคาวและเมื่อทอดจะมีหนังที่กรอบแตกต่างจากปลากะพงที่อื่นอย่างเห็นได้ชัดเจน.