สัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ผนึกกำลัง ซีพี-เมจิ ร่วมพัฒนาสุขภาพและผลผลิตโคนม
หมวดหมู่ : เศรษฐกิจ, ทั่วไป, การศึกษา, กรุงเทพฯ,
โฟสเมื่อ : 7 มี.ค. 2564, 08:00 น. อ่าน : 1,308 ศาสตราจารย์
น.สพ.ดร.รุ่งโรจน์ ธนาวงษ์นุเวช คณบดี คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และ นางสาวสลิลรัตน์ พงษ์พานิช
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)
การพัฒนาผู้เลี้ยงโคนมไทย “โครงการส่งเสริมพัฒนาสุขภาพและผลผลิตโคนม
เชื่อมโยงสุขภาพผู้บริโภค” พัฒนากระบวนการผลิตน้ำนมคุณภาพดี
ปลอดยาปฏิชีวนะตลอดห่วงโซ่การผลิต พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้แก่เกษตรกร มุ่งเป้าผลิตอาหารนมที่มีคุณภาพส่งต่อผู้บริโภค
รศ.น.สพ.ดร.กิตติศักดิ์ อัจฉริยะขจร
หัวหน้าโครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเลี้ยงโคนมในเขตร้อนชื้น คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เปิดเผยว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำหนดพันธกิจสร้างแพลตฟอร์มสนับสนุนงานวิจัย
การเรียนการสอน และบริการวิชาการด้านโคนมและผลิตภัณฑ์
ซึ่งมีความพร้อมด้านห้องปฏิบัติการวิเคราะห์คุณภาพน้ำนมและอาหารสัตว์
เชื่อมโยงเครือข่ายวิชาการร่วมกับเกษตรกร สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ
และบริษัทเอกชน ในพื้นที่จังหวัดสระบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง
สอดคล้องกับเป้าหมายของ ซีพี-เมจิ
ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรไทยให้มีคุณภาพที่ดี
ทั้งสององค์กรจึงทำการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านโคนม
“ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนา
นำองค์ความรู้ด้านวิชาการ งานวิจัย และนวัตกรรมลงสู่ฟาร์มเกษตรกรในรูปแบบ Dairy
Veterinary Community Approach เพื่อสร้างต้นแบบจัดการฟาร์มโคนมแบบแม่นยำสูง เพื่อลดต้นทุนและความสูญเสีย
ตลอดจนเน้นความปลอดภัยของอาหาร
ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อวงการโคนมอย่างเป็นรูปธรรมบนพื้นฐานข้อมูลวิชาการที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและมาตรฐานสากล
เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมการเลี้ยงโคนมที่ยั่งยืนของประเทศไทยและในภูมิภาค”
รศ.น.สพ.ดร.กิตติศักดิ์ กล่าว
ด้าน
นางสาวสลิลรัตน์ พงษ์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้นำ
นมพาสเจอไรซ์และโยเกิร์ตเพื่อสุขภาพ บริษัทฯ
มีปณิธานในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับผู้บริโภค
ตลอดการดำเนินธุรกิจมากว่า 30 ปี นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังเป็นผู้รับซื้อน้ำนมดิบรายใหญ่ที่สุดของประเทศ
จึงตระหนักดีถึงความสำคัญในการสร้างความยั่งยืนแก่อุตสาหกรรมนมและเกษตรกรทุกคน
ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการสรรสร้างผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของซีพี-เมจิ โดยบริษัทฯ
ได้ร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อยกระดับมาตรฐานการเลี้ยงโคนม
แบ่งเบาภาระเกษตรกร ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ด้วยการพัฒนาการจัดการด้านการเลี้ยง
ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
โดยวางเป้าหมายในการพัฒนาศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบและเกษตรกรโคนมในเครือข่ายจำนวน 50
ฟาร์ม ภายในปี 2564
“ซีพี-เมจิ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีเป้าหมายเดียวกันในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมนมไทยและความปลอดภัยของผู้บริโภคทั้งห่วงโซ่ จึงเกิดความร่วมมือในครั้งนี้ขึ้น และยังร่วมกันตั้งเป้าหมายในการขยายโครงการฯ ไปอีก 150 ฟาร์ม ภายในปี 2566 คาดว่าจะมีประชากรแม่โครีดนมมากกว่า 3,000 ตัว มุ่งเป้าสู่ “การเป็นฟาร์มวัวสุขภาพดี น้ำนมโคยอดเยี่ยม” ด้วยการจัดการข้อมูลการเลี้ยงอย่างเป็นระบบ นำมาวิเคราะห์เพื่อสร้างสมดุลย์ของอาหาร การดูแลสุขภาพอย่างตรงจุดสามารถวัดผลได้ และปลอดยาปฏิชีวนะ พร้อมส่งต่อองค์ความรู้และมาตรฐานของโครงการฯ สู่เครือข่ายเกษตรกรโคนม เป็นการยกระดับคู่ค้าผู้เลี้ยงโคนมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนร่วมกันสร้างผลผลิตน้ำนมที่มีคุณภาพ ส่งต่อนมโค ที่ปลอดภัยสู่ผู้บริโภค สอดคล้องกับนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการดำเนินธุรกิจ ตามปรัชญา 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน คือ สร้างประโยชน์แก่ประเทศ ประชาชน และองค์กร” นางสาวสลิลรัตน์ กล่าว.
ศาสตราจารย์ น.สพ.ดร.รุ่งโรจน์ ธนาวงษ์นุเวช คณบดี คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รศ.น.สพ.ดร.กิตติศักดิ์ อัจฉริยะขจร หัวหน้าโครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเลี้ยงโคนมในเขตร้อนชื้น คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นางสาวสลิลรัตน์ พงษ์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด