สาวเมืองตรังโวย ตร.ไม่ใส่ใจทำคดี นักเลงไล่ทำร้าย
หมวดหมู่ : ตรัง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 27 ก.ค. 2564, 13:13 น. อ่าน : 1,083ตรัง-สาวเมืองตรังร้องทุกข์ผ่านสื่อฯ ไร้ที่พึ่งวอนขอความเป็นธรรม ตัดพ้อ ตร.เมินเฉยต่อความปลอดภัยในชีวิต หลังหนุ่มคลั่งบุกใช้มีดดาบฟันสุนัข แถมครอบครัวโดนขู่ฆ่า ทำหวาดผวาไม่กล้าออกจากบ้านมาเกือบเดือน ตำรวจอ้างสารพัดไม่รับแจ้งความ ซ้ำเติมภาวะตึงเครียดช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดหนัก
เหตุร้องทุกข์รายนี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2564 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวได้ไปที่บ้านเลขที่ 100/32 หมู่ 6 ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง ภายในโครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังจากได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.ปุณยาพร แซ่โค้ว หรือเจี๊ยบ อายุ 38 ปี เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน หลังจากเกิดเหตุที่นายป. อายุประมาณ 30-35 ปี เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณปากซอย ภายนอกโครงการหมู่บ้าน มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก่อเหตุใช้อาวุธมีดเข้ามาฟันสุนัขสายพันธุ์อัลเซเชียน เพศผู้ อายุ 10 ปี ที่อยู่ภายในรั้วบ้าน จนได้รับบาดเจ็บบริเวณต้นคอ เย็บไปกว่า 10 เข็ม ซึ่งได้มีการบันทึกคลิปวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน
รวมทั้งมีการข่มขู่ จะทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธปืน ด่าทอด้วยคำหยาบคาย และมีการเดินทางไปเพื่อแจ้งความดำเนินคดี แต่ทางตำรวจให้เพียงแค่ลงบันทึกประจำวัน ไม่มีการดำเนินการใดๆ กับผู้ก่อเหตุ และมีการปัดความรับผิดชอบ จนทำให้ครอบครัว ซึ่งอาศัยกันอยู่ทั้งหมดจำนวน 4 คน มีคุณแม่อายุ 64 ปี นอนป่วยติดเตียง ลูกชายวัย 2 ขวบ สามี อายุ 45 ปี และตนเอง มีความหวาดกลัวในชีวิตและทรัพย์สินจนไม่กล้าออกนอกจากบ้าน ซ้ำเติมภาวะตึงเครียดช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดหนัก
น.ส.ปุณยาพร กล่าวว่า เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็นวันที่ 10 ก.ค.64 คนร้ายถือมีดดาบเข้ามาที่หน้าบ้าน มาอาละวาด จากนั้นใช้อาวุธมีดเอื้อมเข้ามาในรั้วบ้าน แล้วฟันถูกสุนัขของตน โดยที่สามีของตนออกมาห้าม แต่คนร้ายไม่ฟังก็ยังคงฟันอยู่ โดยต้นเหตุมาจากหลานชายของตนอายุ 18 ปี ขับรถผ่านหน้าบ้านของผู้ก่อเหตุ และมีเพื่อนชายนั่งซ้อนท้ายด้วย คนร้ายได้ตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย จนเพื่อนของหลานชายตะโกนด่ากลับไป และขับขี่รถกลับมาที่บ้าน ทำให้คนร้ายไม่พอใจขับรถตามมา และได้นำมีดดาบเข้ามาข่มขู่และฟันสุนัข หลังจากคนร้ายก่อเหตุแล้วได้ขับรถ จยย. ออกไป ตนและสามีจึงได้รีบนำสุนัขไปรักษาที่ รพ.สัตว์และไปแจ้งความ ที่ สภ.เมืองตรัง แต่ทางตำรวจแจ้งให้แค่ลงบันทึกประจำวัน เพราะยังไม่ได้ลงไปตรวจที่เกิดเหตุ และไม่เคยทำคดีเกี่ยวกับสัตว์ แต่จนถึงขณะนี้ทางตำรวจก็ยังไม่มาตรวจสอบและดำเนินคดีให้
น.ส.ปุณยาพรเล่าอีกว่า ต่อมาวันที่ 13 ก.ค.64 ตนได้พบคนร้ายอีก คนร้ายได้ตะโกนด่าเหมือนเดิม ตนจึงได้โทรไปแจ้งพนักงานสอบสวนเพื่อให้เร่งรัดคดี แต่ได้รับตอบกลับมาว่าให้รอก่อน เพราะยังมีคดีอื่นค้างอยู่ จนกระทั่งล่าสุดวันที่ 24 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา ได้พบกับคนร้ายอีก แต่คนร้ายเหมือนกำลังจะหยิบอาวุธปืนปากกาขึ้นมาแล้วก็ไล่ตาม แต่ครอบครัวตนจึงขับรถหนี และได้โทรศัพท์หาพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อถามความคืบหน้าว่าจะมีการจับกุมไหม หรือเรียกเข้ามาสอบปากคำหรือไม่ เพื่อให้เรื่องยุติลง แต่สรุปยังไม่มีตำรวจติดต่อเข้ามาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งๆที่เหตุการณ์เกิดขึ้นจำนวน 3 ครั้ง
“จนถึงวันนี้ได้เข้าร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน เพราะรอต่อไม่ไหวแล้ว ความปลอดภัยไม่มีเลย เราต้องเจอคนร้ายตลอดเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลกัน แล้วทุกครั้งที่คนร้ายเจอเรา เขาก็หัวเราะใส่ ไม่มีท่าทีว่าจะกลัวเรา หรือจะหยุดพฤติกรรม มีท่าทีจะเข้ามาทำร้ายตลอดเวลาที่เจอกัน เพราะเขาอาจจะคิดว่าเราคงทำอะไรกับเขาไม่ได้ เท่าที่ทราบมาคนร้ายมีพฤติกรรมคล้ายคนหลอนยาเสพติด ที่ผ่านมาไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเพียงแค่รู้ว่าคนร้ายอยู่บริเวณปากซอย” น.ส.ปุณยาพร กล่าวอย่างท้อแท้
น.ส.ปุณยาพร ระบายความอัดอั้นอีกว่า ตนเองและครอบครัวหวาดกลัวทุกวัน เพราะจะต้องเดินทางออกจากบ้านและพบเจอกับคนร้ายทุกวัน แต่ช่วงหลังไม่กล้าออกจากบ้าน เรากลัวว่าวันหนึ่งถ้าเขาเข้ามาฟันเรา ครอบครัวเรา และเกิดการต่อสู้ ถ้าทางเราพลาดไปทำร้ายเขา มันก็ต้องเป็นคดีความและจะมีแต่เสียกับเสีย แต่ถ้าเขาทำร้ายเรา เราก็บาดเจ็บ เราก็ต้องดูแลตัวเองกันต่อไป เพราะว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ มันไม่ได้มีอะไรที่เขาจะผิดเลย ไม่รู้จะต้องรอให้เกิดเหตุขึ้นก่อน ตำรวจจึงจะสนใจ
“อยากฝากไปถึงตำรวจให้ลงมาช่วยเหลือ เพราะว่าเรื่องบางเรื่อง มันเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่คนที่เขาอยู่ในที่เกิดเหตุ เขาไม่รู้ว่าจะโดนทำร้ายวันไหน ความปลอดภัยไม่มีอยู่แล้ว สิ่งที่ประชาชนไปแจ้งความคือเขาอยากให้คุณช่วยเหลือ แต่ถ้าความช่วยเหลือมันมาไม่ถึง เราก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะว่า เราจะไปแจ้งความก็ได้แค่ลงบันทึกประจำวัน รอให้ตำรวจมาก็ยังไม่มา พอไปเร่งก็เกรงใจ เพราะเราเข้าใจว่าตำรวจมีงานเยอะ แต่ตำรวจก็ต้องเข้าใจว่าทุกครั้งที่เราโทรไปหา เราแค่อยากจะบอกว่าเราเดือดร้อนจริงๆ วันนี้คนร้ายพลาดแค่ฟันหมา วันหน้าเราอุ้มลูกอยู่แล้วเขาฟันเราขึ้นมา ลูกจะอยู่กับใคร แล้วใครจะต้องรับผิดชอบ หรือว่าต้องรอให้มันร้ายแรงก่อน และอย่าให้คนร้ายอาศัยจังหวะช่วงโควิดฯก่อเหตุ เพราะช่วงโควิดฯตำรวจไม่จับ เป็นครอบครัวใครก็เป็นห่วงในความปลอดภัย เราเข้าใจคนบ้าก็ต้องนำไปรักษาแต่คนที่ติดยาเสพติดทำไมไม่จับกุม” น.ส.ปุณยาพร กล่าวตอนท้าย.