แจ้งความแล้ว “หมออารักษ์”ดำเนินคดีกับ ผอ.องค์การเภสัชฯ ยืนยันเอาผิดถึงที่สุด
หมวดหมู่ : นครศรีธรรมราช, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 16 ส.ค. 2564, 19:47 น. อ่าน : 857 นครศรีธรรมราช - แจ้งความแล้ว “หมออารักษ์”
พร้อมทนายความ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ผอ.องค์การเภสัชกรรม
กรณีมีการอัดคลิปเสียงสนทนาเรื่องจัดซื้อชุดตรวจ ATK ไปเผยแพร่ทางสื่อ
ขณะเดียวกันกลุ่มพลังมวลชนแห่ให้กำลังใจ “หมออารักษ์” ที่หน้าโรงพักคึกคัก ด้าน
“หมออารักษ์” ยืนยันเดินหน้าเอาผิดถึงที่สุดและไม่มีการยอมความแน่นอน
แค่ความผิดแอบอัดคลิปเสียงก็มีโทษวินัยถึงออกจากราชการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 ส.ค.2564 นพ.อารักษ์
วงศ์วรชาติ ผอ.รพ.สิชล พร้อมทนายความส่วนตัว ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ
พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ รามสวัสดิ์ ผกก.สภ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และ พ.ต.ท.เกียรติก้อง
หนูจันทร์ สว.(สอบสวน) สภ.สิชล พร้อมเอกสารจำนวนหนึ่ง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม ในข้อหาหมิ่นประมาท พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
และ พ.ร.บ.โทรคมนาคม กรณี นพ.วิฑูรย์ ได้แอบอัดคลิปเสียงสนทนาระหว่าง นพ.อารักษ์
กับ นพ.วิฑูรย์ กรณี นพ.อารักษ์ โทร.ไปทวงถามปรึกษาแนะนำให้ นพ.วิฑูรย์
ทบทวนการสั่งซื้อ ATK ที่มีคุณภาพกว่า
และต่อมามีการนำคลิปเสียงสนทนาไปให้สื่อมวลชนโจมตีเกิดเสียๆ หายๆ นั้น
จึงเข้าแจ้งความเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและความเสียหายที่เกิดขึ้น โดย นพ.อารักษ์
ได้ให้การรายละเอียดต่างๆ ตั้งแต่เริ่มมีการโทรศัพท์สนทนากันระหว่าง นพ.อารักษ์
กับ นพ.วิฑูรย์ จนเกิดมีการแพร่คลิปสนทนาไปยังสื่อมวลชนช่อง 1
ทำให้ได้รับความเสียหาย
สำหรับบรรยากาศที่หน้า สภ.สิชล ช่วงที่ นพ.อารักษ์ พร้อมทนายความเดินทางไปถึง ได้มีกลุ่มพลังมวลชน ครูและ อสม.ในพื้นที่ และแพทย์พยาบาล รพ.สิชล จำนวนหลายสิบคน เดินถือช่อดอกไม้มาให้กำลังใจแก่ นพ.อารักษ์ ในการสู้คดีเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีในครั้งนี้ โดย นพ.อารักษ์ ได้กล่าวว่ามั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนที่โทร.ไปหา นพ.วิฑูรย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม เนื่องจากตนมีอำนาจหน้าที่ที่สามารถดำเนินการสอบถามได้ เพราะเป็น 1 คณะกรรมการบอร์ด สปสช.ที่มีอำนาจ ที่จะโทร.ไปสอบถามแนะนำการจัดซื้อจัดจ้างชุดตรวจโควิด ATK ขององค์การเภสัชกรรม เพื่อให้ได้ของที่ดีมีคุณภาพที่สุดมาใช้กับประชาชนในการตรวจโควิด-19 ให้ได้คุณภาพ
นพ.อารักษ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวอีกว่า ตนมั่นใจในพยานหลักฐานที่เตรียมไว้จำนวนมากแล้ว
ส่วนสื่อมวลชนตนจะกันไว้เป็นพยานเท่านั้น เพื่อเอาผิด นพ.วิฑูรย์ หลายข้อหา
ไม่เฉพาะข้อหาหมิ่นประมาท และผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
แต่ตนยังจะดำเนินคดีในข้อหาผิดตาม พ.ร.บ.โทรคมนาคม และกฎหมายความมั่นคง
กรณีแอบอัดคลิปเสียงสนทนาไปเผยแพร่ ทำให้ตนได้รับความเสียหาย
ซึ่งทราบว่ามีโทษหนักจำคุก 5 ปีและปรับ 100,00 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ “ผมขอยืนยันไม่ยอมความอย่างแน่นอน
ที่สำคัญความผิดกรณีแอบอัดคลิปเสียงสนทนาไปเผยแพร่
ยังมีความผิดวินัยโทษถึงออกราชการด้วย” นพ.อารักษ์ กล่าว
ซึ่งข่าวคืบหน้าจะนำมาเสนอต่อไป.