แม่ทัพ 4 ยืดอกไปขอโทษผู้ปกครองและ นศท. ที่ป่วยหนักจากการฝึก

หมวดหมู่ : นราธิวาส, ทั่วไป,

อ่าน : 401
แม่ทัพภาค4 ครูฝึกโหดนักศึกษาวิชาทหาร(นศท.)
แม่ทัพ 4 ยืดอกไปขอโทษผู้ปกครองและ นศท. ที่ป่วยหนักจากการฝึก

นราธิวาส-แม่ทัพภาค4 ยืดอก เดินขอโทษผู้ปกครองเฝ้าไข้ลูกไตวาย เผยการตรวจสอบเอาผิดครูฝึกพรุ่งนี้หรือมะรือนี้ถึงมือ รวมทั้งปรับวิธีการตรวจสอบดูแลสภาพ นศท.ใหม่ ขณะที่ นศท.ส่วนใหญ่จะกลับไปเรียนต่อ ด้านผู้ปกครองโอดขาดรายได้เฝ้าอาการลูกไม่มีเงินจ่ายหนี้เงินกู้ 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 65 เวลา 14.30 น. พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 1 ได้เดินทางมายังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อติดตามดูอาการและเยี่ยมปลอบขวัญให้กำลังใจ กับผู้ปกครองและนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 1 จำนวน 17 คน ซึ่งล้มป่วยจากการฝึกจนมีอาการเนื้อลายสลายและไตวายเฉียบพลัน หลังได้เข้ารับการฝึกวิชาทหารเป็นวันที่ 3  ซึ่งมีกำหนด 8 วัน ณ ศูนย์ฝึกย่อยวิชาทหารโรงเรียนนราธิวาส โดยมี นพ.อโณชา สนธิกนก รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ พ.อ.ก่อเกียรติ เข็มแดง รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส และน.ท.อำนาจ ภู่ทอง ผบ.ฉก.นย.ทร.33 นำคณะเข้าเยี่ยมอาการ นศท.ทั้ง 17 คน ที่นอนรักษาตัวอยู่ที่ห้องต่างๆ


ระหว่างการเยี่ยมอาการ นศท.แต่ละคน พล.ท.ศานติ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวขอโทษผู้ปกครองและเด็ก กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งได้สอบถามอาการของเด็กทุกคน มีขวัญกำลังใจดีและเมื่อหายจากอาการป่วย จะเข้ารับการฝึกวิชาทหารต่อ พร้อมรับปากจะรื้อฟื้นแผนการฝึกทั้งหมด เพื่อวางมาตรการความปลิดภัย จะมีการตรวจเช็กระบบร่างกายของ นศท.โดยเฉพาะการตรวจฉี่ซึ่งตั้งไว้ 4 ระดับ หากพบมีสีเข้มจากปกติ จะมีการอนุญาตให้พักและดื่มน้ำเมื่อร่างกายพร้อมจะทำการฝึกต่อ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย พร้อมกล่าวว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นแม่ทัพขอรับผิด ทำให้ผู้ปกครองที่เฝ้าไข้ รวมทั้งเด็กที่ป่วยต่างมีสีหน้าที่สดใส มั่นใจในคำพูดที่แม่ทัพได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ หลังจากแม่ทัพภาค 4 เยี่ยมอาการ นศท.ที่ป่วยทั้ง 17 คน ได้มีการมอบกระเช้าเพื่อปลอบขวัญและเป็นกำลังใจ ทุกคนต่างทราบซึ้งที่ได้รับฟังคำสัญญาของแม่ทัพ   



รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ นศท.ชั้นปีที่ 1 ที่ล้มป่วยจากการฝึก ณ ศูนย์ฝึกย่อยวิชาทหารที่โรงเรียนนราธิวาสจำนวนทั้งสิ้น 23 คน ซึ่งมีทั้งอาการเนื้อลายสลายและไตวายเฉียบพลัน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลรือเสาะ 5 คน โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ 18 คน นั้น ล่าสุด มีอาการดีขึ้นจนแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านพักแล้ว 6 คน แยกเป็นโรงพยาบาลรือเสาะ 5 คน โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ 1 คน เหลือเพียงนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ แห่งเดียวเพียง 17 คนเท่านั้น และในช่วงเย็นของวันนี้แพทย์ได้อนุญาตให้ นศท.ที่ป่วยและเข้ารับการรักษา จนมีอาการปกติได้อนุญาตให้กลับบ้านเพิ่มเติมอีก จำนวน 3 คน เหลือรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาส อีกจำนวน 14 คน เท่านั้น 


ส่วน นศท. จำนวน 8 คน จาก 17 คน ยังคงต้องทำการฟอกไต หรือ ล้างไต ที่แพทย์ต้องดูแลอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งใน 2 หรือ 3 วันต่อสัปดาห์ จะต้องทำการฟอกไต หรือ ล้างไต รวมทั้งแต่ละวันจะถูกเจาะเลือดและนำปัสสาวะไปตรวจหรือวินิจฉัย ดูค่าไตเพื่อหาสารปนเปื้อนในกระแสเลือดว่ามีปริมาณมากน้อย ในแต่ละคนมีภาวะค่าไตดีขึ้นตามลำดับหรือไม่อย่างไร


พล.ท.ศานติ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ดูแววตาเด็กๆทุกคนดีขึ้นมาก ซึ่งช่วงแรกตนไม่ได้มาเยี่ยม วันนี้เด็กๆได้ออกจากโรงพยาบาลอีกหลายคน และวันสองวันนี้ก็ได้ออกอีกคือทยอยหายป่วย และตนได้ถามเด็กทั้ง 17 รายเด็กสู้ต่อทุกราย ตนจะรื้อระบบใหม่การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ต้องมานั่งสัมมนากันนั่งคุยกัน ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นซ้ำ อันนี้ตนนำเรียนด้วยความจริงว่า การเยียวยาตรงนี้ไม่ตรงกับระเบียบของกองทัพบก เราไม่ได้เรียกว่าเยียวยา แต่เป็นการดูแลในส่วนที่ผู้ปกครองและญาติต้องเดินทางไปเดินทางมา เราจะดูแลให้ตามความจริงเราต้องทำตามระเบียบถ้าดำเนินการไปแล้วจะโดนร้องเรียนในเรื่องนี้ด้วย เราจะดูแลตามน้องๆที่เขาป่วยจริง


“ตรงนี้ผมได้บอก ผบ.ครูฝึกวันแรกที่ผมบอกว่าต้องอยู่ดูแลให้มากที่สุด พ่อแม่ครอบครัวคนใดไม่มีที่พักต้องจัดหาให้ เรื่องรถรับส่งต่างๆนั่นคือในขั้นต้น ส่วนใครจะอยู่นานกี่วันเราก็จะดูแล ส่วนกรณีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุที่เกิดขึ้นจากครูฝึก จะถึงมือผมพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ ตามนโยบายของผบ.ทบ.เราก็จะให้ความยุติธรรมทางการสอบสวน ใครที่เกี่ยวพันเกี่ยวข้องเราว่าไปตามระบบ ซึ่งผู้ปกครองพ่อแม่และสื่อมวลชนต่างๆเราให้ความเป็นธรรมทุกคน” พล.ท.ศานติ     


ด้านผู้ปกครองนักศึกษาวิชาทหารที่เฝ้าบุตรนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ขอความเห็นใจผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ตนต้องจำยอมไปยืมเงินจากเครือญาติมาซื้อชุด นศท.ให้ลูก เพราะลูกอยากเรียน ลูกทั้ง 3 คน อยู่ในวัยเรียนยังไม่มีใครทำงาน ส่วนแม่ทำงานโรงเรียนเอกชน พ่อทำงานแบบรายวันพอมั๊ยกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพราะราคาชุดนึ่งก็หลายพันไหนเสื้อ ไหนกระเป๋าเป้สารพัด แต่ว่าเราเต็มใจสนับสนุนให้ลูกเรียน ครั้งแรกไม่อยากให้เรียนไม่ใช่เรื่องค่าใช้จ่ายน่ะ กลัวแกรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้ที่เกิดขึ้น ส่วนพ่อก็ต้องหยุดทำงานมาเฝ้าลูกตั้งแต่วันแรก เมื่อพ่อหยุดทำงานรายได้มันเข้ามามั๊ย ลองคิดดูทำงานโรงเรียนเอกชนจะได้กี่บาท ถ้ารับราชการก็ โอ.เค.นั่นแหละปัญหา.