คิดสูตรเลี้ยงด้วงโปรตีนสูง นักวิจัย มวล. คิดได้เยี่ยม สร้างคุณค่า
หมวดหมู่ : เศรษฐกิจ, นครศรีธรรมราช, ทั่วไป, การศึกษา,
โฟสเมื่อ : 1 มี.ค. 2564, 06:05 น. อ่าน : 1,401 การคิดค้นสูตรอาหารเลี้ยงด้วงสาคูให้สารอาหารสูงครั้งนี้
รศ.ดร.วรวรรณ พันพิพัฒน์ อาจารย์ประจำสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
ในฐานะหัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหาร มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
(มวล.) จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตนและทีมนักวิจัยประกอบด้วย นางสาวขนิษฐา
จินารักษ์ รศ.ดร.มนัส ชัยจันทร์ และ ผศ.ดร.พิจักษณ์ สัมพันธ์
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีฯ ร่วมวิจัยศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของด้วงสาคู (Sago
palm weevil larvae) ที่เพาะเลี้ยงในระบบฟาร์มในเขต 3 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง และยะลา
ซึ่งพบว่าด้วงสาคูจากทั้ง 3 แหล่ง
มีไขมันและโปรตีนเป็นองค์ประกอบหลัก โดยมีไขมันร้อยละ 52.4-60.1 และโปรตีนร้อยละ 18.0-28.5
นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ได้แก่ โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม
โซเดียม แคลเซียม สังกะสี ทองแดง แมงกานีส และเหล็ก
โดยที่ปริมาณสารอาหารในด้วงสาคูจะแตกต่างกันในแต่ละฟาร์มขึ้นอยู่กับสูตรอาหารและวิธีการเลี้ยงด้วงสาคูเป็นสำคัญ
รศ.ดร.วรวรรณ กล่าวอีกว่า
เมื่อพิจารณาคุณภาพของโปรตีนในด้วงสาคูที่ผ่านการเพาะเลี้ยง
พบว่ามีปริมาณกรดอะมิโนจำเป็นต่ำกว่าโปรตีนอ้างอิงที่กำหนดโดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ
รวมทั้งมีกรดไขมันจำเป็นในปริมาณต่ำและมีสัดส่วนของกรดไขมันโอเมก้า-6/โอเมก้า-3 ที่ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ
จากความรู้ดังกล่าวนำมาสู่การศึกษาวิจัยเชิงลึกเพื่อคิดค้นสูตรอาหารที่สามารถเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของด้วงสาคูให้สูงขึ้น
รวมทั้งสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของแมลงดังกล่าว
เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตเชิงพาณิชย์ของแมลงกินได้ของภาคใต้ชนิดนี้ โดยทำการศึกษาครอบคลุมการเพิ่มปริมาณสารอาหารทั้งหมด
และมุ่งเน้นการเพิ่มกรดไขมันจำเป็นโอเมก้า-3
ให้ใกล้เคียงกับน้ำมันปลา
เนื่องจากด้วงสาคูมีไขมันเป็นองค์ประกอบสูงและมีวงจรชีวิตสั้นกว่าปลาทะเลน้ำลึกมาก
รวมทั้งศึกษาการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ไขมัน เพื่อให้เข้าใจกลไกเชิงลึกในระบบเมทาบอลิซึมของด้วงสาคู
สำหรับสูตรอาหารที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้สามารถเพาะเลี้ยงด้วงสาคูได้ขนาดตัวหนอนที่โตและมีน้ำหนักมากกว่าการเลี้ยงด้วยสูตรอาหารแบบดั้งเดิม
โดยสามารถลดระยะเวลาการเลี้ยงด้วงสาคูให้สั้นลงอย่างน้อย 10
วัน โดยที่ด้วงสาคูมีคุณค่าทางโภชการสูงกว่าการเลี้ยงด้วยอาหารสูตรดั้งเดิมอย่างมาก
ทั้งนี้สามารถเพิ่มปริมาณโปรตีนให้สูงขึ้นถึงร้อยละ 40-92
โดยเป็นโปรตีนคุณภาพสูง เนื่องจากประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นครบทั้ง 9 ชนิด และยังมีปริมาณกรดอะมิโนจำเป็นเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึงร้อยละ 12-48
เมื่อเปรียบเทียบกับโปรตีนมาตรฐานตามข้อกำหนดขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติแล้ว
พบว่าปริมาณกรดอะมิโนจำเป็นของด้วงสาคูที่ผ่านการเลี้ยงด้วยสูตรอาหารชนิดใหม่นี้มีค่าสูงกว่าโปรตีนอ้างอิงถึง
1-1.5 เท่า ดังนั้นด้วงสาคูจึงเป็นแหล่งอาหารโปรตีนคุณภาพสูง
ในด้านคุณภาพของไขมันนั้น
“ด้วงสาคูที่ผ่านการเลี้ยงด้วยอาหารสูตรใหม่มีปริมาณกรดไขมันโอเมก้า-3 สูงกว่าการเลี้ยงด้วยอาหารสูตรดั้งเดิมถึง 10-25
เท่า โดยที่ด้วงสาคูที่ผ่านการเลี้ยงด้วยอาหารสูตรใหม่มีปริมาณกรดไขมันโอเมก้า-3 สูงกว่าน้ำมันปลาถึง 1.24 เท่า อีกทั้งมีสัดส่วนของกรดไขมันโอเมก้า-6/โอเมก้า-3 ต่ำกว่า 4/1
ซึ่งบ่งชี้ถึงไขมันที่มีผลดีต่อสุขภาพ
นอกจากนี้ด้วงสาคูที่เลี้ยงด้วยอาหารสูตรใหม่ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ ได้แก่
โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โซเดียม แคลเซียม และสังกะสี
ซึ่งแร่ธาตุดังกล่าวมีปริมาณสูงกว่าแร่ธาตุที่พบในไข่ไก่” รศ.ดร.วรวรรณ กล่าว
พร้อมกันนี้ รศ.ดร.วรวรรณ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า
ผลการวิจัยที่ได้แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มศักยภาพเชิงพาณิชย์ของด้วงสาคู
เพื่อให้เป็นแหล่งอาหารทางเลือกในอนาคตที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์
ซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยเชิงลึกที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจฐานราก
ซึ่งส่งผลในการสร้างความมั่นคงด้านอาชีพให้แก่เกษตรกร
ทั้งนี้คณะผู้วิจัยขอขอบคุณการสนับสนุนงบประมาณการวิจัยจากโครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม
(พวอ.) ระดับปริญญาเอก.