พัทลุง-นายอำเภอเมืองพัทลุง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่สาธารณประโยชน์แล้ว พร้อมประกาศให้ผู้บุกรุกที่มีเอกสารสิทธิ์เป็นของตนเองให้ออกนอกพื้นที่บุกรุกทุกคน
ชาวจังหวัดพัทลุงให้ความสนใจข่าว กรณีที่กลุ่มชาวบ้านเข้าไปไปถือครองที่ดิน “ควนท่าสำเภาสาธารณประโยชน์ “ จำนวน 3,727 ไร่เศษ เพื่อสร้างเป็นที่ทำกินมากกว่า 3,500 ไร่ มานานกว่า 10 ปี จนมีชาวบ้านร้องเรียนไปยัง พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธ์ ผวจ.พัทลุง ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ทางอำเภอเมืองพัทลุง ฝ่ายปกครอง อปท. และผู้นำท้องถิ่น เร่งสำรวจผู้บุกรุกเข้าไปสร้างที่ทำกินในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงของอำเภอฯ ท้องที่ และท้องถิ่น หลังจากนี้จะได้รายงานผลการดำเนินการตรวจสอบในเบื้องต้นรายงานให้ทางอำเภอจังหวัดทราบต่อไป ตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.3563 นายพงศ์เทพ ประทุมสุวรรณ นายอำเภอเมืองพัทลุง เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางอำเภอได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบตำบลชัยบุรี ตำบลลำปำ ร่วมกับผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ทั้ง 2 ตำบล ได้เร่งสำรวจตรวจสอบผู้บุกรุกเข้าไปทำกินในที่ดิน “ ควนท่าสำเภาสาธารณประโยชน์” ทุกรายนั้น ขณะนี้การตรวจสอบดังกล่าวได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยทราบเบื้องต้นแล้วว่ามีผู้บุกรุกเข้าไปสร้างที่ทำกินจำนวนกี่ราย พื้นที่การบุกรุกจำนวนกี่แปลง การสำรวจเบื้องต้นในครั้งนี้ทางคณะผู้สำรวจและตรวจสอบได้จัดทำข้อมูลจำนวนผู้บุกรุกทุกๆรายแล้ว
นายพงศ์เทพเปิดเผยอีกว่า ขั้นตอนต่อไปนั้น ในขณะนี้ทางอำเภอได้มีหนังสือแต่งตั้งคณะกรรมการเข้าตรวจสอบผู้บุกรุกเข้าไปสร้างที่ทำกินในที่ดินสาธารณประโยชน์ดังกล่าว จำนวน 2 ตำบล คือ ตำบลลำปำ และ ตำบลชัยบุรี โดยคณะกรรมการในแต่ละชุด(แต่ละตำบล)นั้นจะมีปลัดอำเภอเป็นหัวหน้าชุด ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วย ปลัดอำเภอ , เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำตำบล, ชุดปฏิบัติการระดับตำบล, นายช่างโยธา, ปลัด อบต., นิติกร อบต. และผู้ทรงคุณวุฒิ มีปลัดอำเภอประจำตำบลเป็นเลขานุการ โดยให้คณะกรรมการทั้ง 2 ชุด (ทั้ง 2 ตำบล) ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ในการสำรวจตรวจสอบบัญชีผู้บุกรุกทุกรายทุกแปลง ให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน เพื่อที่จะรายงานผลการดำเนินงานแจ้งให้นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง ทราบต่อไป
จากการสำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นของปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบประจำตำบล ท้องถิ่น ท้องที่ พร้อมทั้งเก็บเอกสารสำคัญบางอย่างไว้แล้วนั้น นายพงศ์เทพกล่าวว่าย่อมแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้บุกรุกดังกล่าวเป็นใคร มาจากไหน เข้าไปถือครองที่ดินดังกล่าวได้อย่างไร หรือซื้อสิทธิ์การครอบครองมาจากใคร ทางคณะกรรมการฯจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกันต่อไป
”ดังนั้นผมจึงขอแจ้งให้ผู้บุกรุกเข้าไปสร้างที่ทำกินในที่ดินดังกล่าวได้ทราบโดยทั่วกันว่า หากใครก็ตามที่รู้ตัวว่าเป็นผู้มีเอกสารสิทธิ์การถือครองในที่ดินอยู่แล้ว ขอให้ออกจากพื้นที่ทำกินดังกล่าวโดยทันที ก่อนที่จะคณะกรรมการชุดนี้จะเข้าไปตรวจสอบรายชื่อผู้บุกรุกทุกราย หากพบผู้มีที่ดินทำกินและมีเอกสารสิทธิ์อยู่ในความครอบครอง จะดำเนินการตามกฎหมายโดยเฉียบขาดต่อไป เพราะคณะกรรมการชุดดังกล่าวนี้มีรายชื่อของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ในระดับอำเภอได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการทุกหน่วยงาน ทางอำเภอจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้โปร่งใส บริสุทธิ์ และยุติธรรม กับผู้รุกรุกทุกราย” นายพงศ์เทพ กล่าว.