พัทลุง- อดีต สว.พัทลุง แฉมีกลุ่มบุคคลบุกรุกเข้าไปจับจองที่ดินสาธารณ
ประโยชน์ เอาไปแบ่งขายต่อโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
กรณีมีกลุ่มชาวบ้านเข้าไปไปถือครองที่ดิน “ควนท่าสำเภาสาธารณประโยชน์ “ จำนวน 3,727 ไร่เศษ เพื่อสร้างเป็นที่ทำกินมากกว่า 3,500 ไร่ มานานกว่า 10 ปี จนชาวบ้านร้องเรียนไปถึง พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธ์ ผวจ.พัทลุง จนกระทั่งได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ทางอำเภอเมืองพัทลุง ฝ่ายปกครอง อปท. และผู้นำท้องถิ่น เร่งสำรวจผู้บุกรุกเข้าไปสร้างที่ทำกินในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงของอำเภอท้องที่และท้องถิ่น เพื่อรายงานผลการดำเนินการตรวจสอบในเบื้องต้นให้ทางจังหวัดทราบต่อไป ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ นายเรืองวิทย์ เทือใหม่ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยนั้น การดำเนินการตามขั้นตอนในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ทั่วประเทศ จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนคือ ขั้นตอนที่ 1 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการในการระงับเหตุข้อพิพาท / ร้องทุกข์ ภายใน 30 วัน ขั้นตอนที่ 2 ถ้าไม่ดำเนินการภายใน 30 วันให้แจ้งนายอำเภอภายใน 7 วัน นับแต่ครบ 30 วัน และขั้นตอนที่ 3 ให้นายอำเภอดำเนินการหรือร่วมกับท้องถิ่นก็ได้
“ในส่วนของทางสำนักงานที่ดินจังหวัดพัทลุงนั้นคงไม่สามารถเข้าไปเข้าก่ายการปฏิบัติหน้าที่ของอำเภอและท้องถิ่นได้ ยกเว้นได้รับการแต่งตั้งเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในคณะกรรมการแก้ไขการบุกรุกที่ดินของรัฐ(กบร.)จังหวัดพัทลุง คาดว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวน่าจะเหมือนกับการบุกรุกเข้าไปสร้างที่กินในที่ดินสาธารณประโยชน์ของชาวบ้านบางกลุ่มในพื้นที่ก่อสร้างมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ฝอ.ป่าพะยอม ซึ่งทุกๆฝ่ายได้ร่วมกันแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้” นายเรืองวิทย์กล่าว
ทางด้าน ร.ต.อนุกูล สุภาไชยกิจ อดีต สว.พัทลุง และอดีตประธานกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา และนายทวี ภูมิสิงหราช อดีต สว.พัทลุง ร่วมเปิดเผยว่า หลังจากที่ทั้ง 2 คน ออกมาแสดงความคิดเห็นในฐานะชาวพัทลุงต่อการแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของกลุ่มชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่นบางคน และข้าราชการบางราย ได้มีกลุ่มชาวบ้านทั้งในและนอกพื้นที่ที่ทนเห็นการบุกรุกที่ดินดังกล่าวไม่ได้ เดินทางมาพบทั้ง 2 คนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทราบว่านอกจากจะมีการบุกรุกของกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้ว ยังมีกลุ่มบุคคลอีกหลายรายที่เข้าไปจับจองที่ดินสาธารณประโยชน์ดังกล่าวและแบ่งขายให้กับบุคคลรายอื่นๆโดยไม่หวั่นเกรงกฎหมายบ้านเมืองแต่อย่างใด
ดังนั้นเพื่อให้การตรวจสอบการบุกรุกดังกล่าวเป็นไปด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม และเพื่อประโยชน์ของกลุ่มผู้ยากจน ผู้ยากไร้จริงๆ เราทั้ง 2 คนและคณะ จะลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเอง หากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นเป็นการทำงานแบบไม่เที่ยงธรรมและเที่ยงตรง ผมก็จะได้นำข้อมูลที่พบเห็นการตรวจสอบพื้นที่การบุกรุก ไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป” ร.ต.อนุกูลกล่าว.