พบชีวิตรันทด ครอบครัว ด.ต.ถูกปลอมลายเซ็นทุจริตเงินสหกรณ์ ตร.
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 20 พ.ค. 2565, 14:00 น. อ่าน : 1,098พัทลุง - อดีต ด.ต.พบชีวิตรันทด
ร้องสื่อถูกปลอมแปลงลายมือชื่อกู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง
จนครอบครัวเดือดร้อนแสนสาหัส ต้องขายวัวในคอก 7 ตัว เพื่อต่อสู้คดีแต่ก็แพ้คดี
เรียกร้องให้เอาตัวผู้ร่วมทุจริตมาลงโทษให้หมดและอยากรื้อฟื้นคดีใหม่
คดีทุจริตโกงเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ
พัทลุง จำกัด วงเงินกว่า 1,450 ล้านบาท ยิ่งสอบสวนยิ่งพบปมทุจริตมากขึ้น ล่าสุด
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านพักของ ด.ต.เจริญ โอฬารพฤกษ์ อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่
151 ม.10 ต.นาขยาด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง อดีตตำรวจ สภ.นาขยาด อ.ควนขนุน
หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนจาก นางสาวเบญจวรรณฯ อายุ 48 ปี
ผู้เป็นบุตรสาวว่าครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการที่ถูกปลอมแปลงรายเซ็นผู้เป็นบิดาและมารดา
ในการทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง
น.ส.เบญจวรรณ
ได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ มามอบให้ผู้สื่อข่าวมากมาย
และสรุปเหตุการณ์ที่ถูกปลอมแปลงรายชื่อของ ด.ต.เจริญ และ นางประโลมฯ อายุ 70 ปี
ว่าในปี 2557 ทางบิดาได้ยื่นกู้เงินสหกรณ์ฯ ไปเป็นจำนวน 300,000 บาท
แต่ถูกแก้ตัวเลขการกู้เงินเป็น 500,000 บาท และได้เงินมาเพียง 188,649 บาท
ต่อมาในปี 2560 ยื่นกู้เงินไป 500,000 บาท แต่ได้เงินมาเพียง 183,626 บาท
ตนมั่นใจว่าพ่อน่าจะถูก จนท.สหกรณ์ออมทรัพย์ฯ เป็นผู้ลงลายเซ็นปลอมของบิดาและมารดา
จึงได้ยื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบลายมือชื่อทั้ง 2 คน ไปยังศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10
ยะลา พบว่าบางจุดมีการใช้ลายเซ็นปลอม ทาง จนท.การเงินของตำรวจภูธรฯ
จึงได้สั่งระงับการหักเงินเดือนของบิดาฯให้แก่สหกรณ์ฯ
ต่อมาเมื่อวันที่
18 กันยายน 2561 สหกรณ์ฯ โดย นางสาวสุภา สุวรรณเดชากุล อดีตผู้จัดการฯ
ได้ยื่นฟ้องบิดาของตนพร้อมผู้ค้ำเงินกู้ทั้ง 2 ราย
ซึ่งครอบครัวของตนก็ได้ต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมจนต้องขายวัวในคอกหมดไป 7 ตัว
แต่ก็แพ้คดีแพ่งในที่สุดซึ่งสาเหตุสำคัญน่าจะมาจากทนายความไม่ส่งเอกสารการตรวจสอบศูนย์พิสูจน์หลักฐาน
10 ยะลา ตามกระบวนการยุติธรรม ทำให้ครอบครัวต้องไปยืมเงินมาให้กับสหกรณ์ จำนวน
430,000 บาท เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2563 โดยในวันดังกล่าว นายสมรักษ์ฯ
ผู้เป็นน้องชายที่นำเงินไปชำระจากการแพ้คดีแพ่งมีอาการเครียดจนต้องนำส่งโรงพยาบาลจิตเวช
จ.สงขลา ในวันรุ่งขึ้น (วันที่ 8)
ซึ่งขณะนี้ผู้เป็นน้องชายก็ต้องกินยารักษาตัวเองมาอย่างต่อเนื่องจนถึงจนปัจจุบัน
ในส่วนของผู้เป็นบิดาก็มีอาการเครียดจนต้องล้มป่วยเช่นกัน
น.ส.เบญจวรรณ
เผยอีกว่า ในการต่อสู้คดีในครั้งนี้ครอบครัวของตนถูกภัยมืดข่มขู่ตลอดเวลา
บางครั้งก็มีตำรวจบางนายมาขอให้ยอมรับลายเซ็นที่เซ็นปลอม แต่ครอบครัวตนก็ไม่ยอม
การพ่ายแพ้คดีแพ่งนั้นตนขอน้อมรับและไม่ติดใจต่อคำตัดสินของศาล
และไม่ขอกล่าวโทษการดำเนินงานของสหกรณ์ฯที่เป็นนิติบุคคล
เพราะเชื่อว่าคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯ
และสหกรณ์ฯคงไม่มีส่วนรู้เห็นในการที่ครอบครัวของตนถูกโกงในครั้งนี้
“แต่ติดใจการทุจริตในครั้งนี้น่าจะเป็นการกระทำของ
จนท.สหกรณ์ฯ บางรายที่น่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการโกง
จึงต้องเข้ามาร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชนเพื่อขอให้ทุกฝ่ายมาเจรจาหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าว
หากไม่ได้ผลก็ขอเรียกร้องให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รื้อฟื้นคดีใหม่
เพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
ครอบครัวของไม่กล้าที่จะยื่นฟ้องร้องกับใคร
เพราะกลัวความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ในขณะนี้ครอบครัวกำลังประสบความเดือดร้อนอย่างมากมายที่น่าจะถูกโกงของ จนท.สหกรณ์ฯ
บางรายในขณะนี้” น.ส.เบญจวรรณ กล่าว ซึ่งข่าวคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป.