เรียกสอบเพิ่มเติม จนท.รัฐ คดีทุจริตสหกรณ์ ตร.พัทลุง
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 22 ก.ค. 2565, 09:00 น. อ่าน : 780พัทลุง-พนักงานสอบสวนเร่งสอบปากคำ จนท.รัฐบางหน่วยงาน เพื่อขยายผลไปสู่การจับกุมเพิ่มเติม ในคดีการทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด วงเงินกว่า 1,500 ล้านบาท ส่วนสถานการณ์การเงินของสหกรณ์ฯยังน่าเป็นห่วง
คดีการทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด วงเงินไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาท และมีจับกุมผู้ต้องหา 24 รายแล้ว ทางด้าน ตร.ชุดสอบสวนเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหารายสำคัญอีก 1 คน ส่วน รอง ผบช.ภ.9 เร่งแก้ปัญหาของสหกรณ์ฯ ขณะที่คณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯทั้ง 13 คน ได้แจ้งของลาออกในการประชุมคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯซึ่งจะมีขึ้นในเร็วๆนี้ เพื่อนำไปสู่การประชุมวิสามัญ ประจำปี 2565 และการคัดเลือกคณะกรรมการดำเนินการฯชุดใหม่ในต้นเดือน สิงหาคม 2565 ด้านสมาชิกสหกรณ์ฯได้รับเงินกู้สวัสดิการจากการเสริมสภาพคล่องของชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศ ไทย และชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติ ตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีนี้ว่า เมื่อตอนสายวันที่ 21 ก.ค.ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ทางพนักงานสอบสวนตามคำสั่งของ สตช. ได้เชิญกลุ่มผู้ต้องหาบางรายมาสอบบางคำเพิ่มเติมจำนวนหนึ่ง ในขณะเดียวกันได้เชิญ จนท.รัฐของหน่วยงานรัฐบางหน่วยงานมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกเช่นกัน หากพบว่ามี จนท.รัฐคนใดคนหนึ่งเข้ามามีส่วนร่วมในการทุจริตเงินสหกรณ์ฯในครั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมเอกสาร หลักฐาน เพื่อยื่นต่อศาลจังหวัดพัทลุงในการขออนุมัติหมายจับกุม จนท.รัฐดังกล่าวต่อไป
ขณะเดียวกันในตอนสายวันเดียวกัน ทางพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวก็ได้เรียกกลุ่มผู้ต้องหามารายงานตัวอีกด้วย โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกเรียกมารายงานตัวในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็น จนท.สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสหกรณ์ฯในขณะนี้ โดยทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหลังจากที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวตน ครอบครัว ลูกๆได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากถูกพนักงานสอบสวนสั่งอายัดบัญชีการเงินทุกราย ทำให้ส่งผลกระทบต่อลูกๆที่กำลังศึกษาต่อทั้งในและต่างจังหวัด จึงขอเรียกร้องให้พนักงานสอบสวนยกเลิกอายัดบัญชีการเงินของลูกๆด้วย เพราะส่วนใหญ่เป็นเงินที่นำมาใช้ในการศึกษาต่อที่มีแค่หลักพันบาทเท่านั้น เมื่อถูกอายัดเงินจึงต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาแก้ปัญหาการศึกษาต่อของลูกๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะนี้สถานการณ์การเงินของสหกรณ์ฯอยู่ในขั้นที่น่าเป็นห่วงยิ่ง โดยเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 สหกรณ์ฯมีลูกหนี้สามัญประมาณ 3,300 ล้านบาท แต่มีลูกหนี้สามัญจริงๆประมาณ 1,800 ล้านบาท โดยมีลูกหนี้ที่มาจากการตกแต่งบัญชีประมาณ 1,500 ล้านบาท และมีทุนเรือนหุ้นจากการตกแต่งบัญชีประมาณ 88 ล้านบาท หลังจากที่นำเงินสำรองมาชดเชยแล้วสหกรณ์ฯยังขาดทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท
ส่วนของปี 2565 ตั้งแต่เดือน มกราคม - มิถุนายน 2565 นั้น สหกรณ์ฯมีกำไรประมาณ 5-6 ล้านบาท/เดือน มีการจ่ายเงินกู้สามัญแก่สมาชิกประมาณเดือนละ 60 ล้านบาท จ่ายเงินกู้สวัสดิการประมาณเดือนละ 20 ล้านบาท จ่ายเงินกู้ฉุกเฉินประมาณ 1.8 ล้านบาท สมาชิกซื้อหุ้นประมาณ 4 ล้านบาท แต่ในขณะนี้สมาชิกที่เข้ามาซื้อหุ้นได้ลดลงเรื่อยๆ ส่วนสมาชิกที่ลดหุ้น ของดการส่งค่าหุ้น ก็มีขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
สำหรับการถอนเงินฝากนั้นมีการถอนเงินฝากประมาณเดือนละ 20 ล้านบาท ในส่วนของเจ้าหนี้นั้นขณะนี้สหกรณ์ฯมีเจ้าหนี้ทั้งสถาบันการเงินและสหกรณ์ต่างๆ จำนวน 9 รายการ เป็นเงินประมาณ 2,240 ล้านบาท และยังมีเงินเหลือที่จะสามารถก่อภาระผูกพันได้อีกประมาณ 260 ล้านบาท และในขณะนี้สหกรณ์ฯได้มีการชำระหนี้ให้แก่สถาบันการเงินต่างๆที่เป็นเงินต้นประมาณเดือนละ 14.5 ล้านบาท และตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไปจะมีดอกเบี้ยประมาณเดือนละ 4 ล้านบาทเศษ
ทั้งนี้หากการยึดทรัพย์จากกลุ่มผู้ต้องหาของ ปปง.และการดำเนินคดีฟอกเงินกับกลุ่มผู้ต้องหายังไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน รวมทั้งไม่ได้รับการช่วยเหลือจากสหกรณ์ต่างๆอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งให้สถานะการเงินของสหกรณ์ฯอยู่ในขั้นที่น่าเป็นห่วงยิ่ง ซึ่งนับเป็นภาระอันหนักยิ่งของคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯชุดใหม่ที่จะเข้ามารับตำแหน่งทั้ง 15 คน หลังจากที่คณะกรรมการฯชุดเก่า 13 ราย ได้ประกาศลาออกในปลายเดือน กรกฎาคม 2565 นี้ ข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.