มท.2 สั่งเร่งดับไฟป่าพรุบาเจาะ วอดไป 2 พันกว่าไร่แล้ว
หมวดหมู่ : การเมือง, นราธิวาส, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 30 พ.ค. 2563, 10:01 น. อ่าน : 1,698รมช.มหาดไทย นำ เลขาฯศอ.บต. บินสำรวจสถานการณ์ไฟป่าพรุบาเจาะ ที่ จ.นราธิวาส พร้อมประชุมสั่งการเร่งดับไฟ และย้ำให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ฯอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2563 เวลา 09.00 น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย พร้อมด้วย พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศอ.บต. ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจความเสียหายไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะ ในพื้นที่ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส เนื่องจากไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะเริ่มเกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ของนิคมสหกรณ์บาเจาะ ต.ลุโบะบือซา อ.ยี่งอ พื้นที่ป่าได้รับความเสียหายกว่า 2,120 ไร่
จากนั้น ในเวลา 10.00 น.นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มท. ได้ประชุมกลับมาประชุมร่วมกับนายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส, พล.ร. ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้แทนโครงการชลประทานจังหวัดนราธิวาส สถานีควบคุมไฟป่า นิคมสหกรณ์บาเจาะ รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส อ.เมืองนราธิวาส ในที่ประชุม ได้มีการรายงานสถานการณ์ไฟป่า และการแก้ไขสถานการณ์ไฟป่าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้นายนิพนธ์ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบ บูรณาการปฏิบัติร่วมกันเพื่อป้องกันการซ้ำซ้อน โดยให้ ผวจ.นราธิวาส เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติในภาพรวม และ บริหารจัดการสถานการณ์ให้คลี่คลายโดยเร็วภายใน5-7วัน
ส่วนของการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ นายนิพนธ์ได้สั่งการให้ ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา ส่งเครื่องสูบน้ำระยะไกลเพิ่มอีก 1 เครื่องจากเดิมที่ส่งไปแล้วจำนวน 2 เครื่อง และเจ้าหน้าที่ผู้มีความชำนาญ ดำเนินการทันทีตั้งแต่เกิดสถานการณ์ พร้อมทั้งประสานงานร่วมกับศูนย์ชลประทาน เขต17. สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 8 สงขลา และหน่วยงานอื่นๆสนับสนุน เครื่องสูบน้ำขนาดตามความเหมาะสมของพื้นที่ รถดับเพลิง รถบรรทุกน้ำ รถแบคโฮ เพื่อร่วมบูรณาการดับไฟป่า นอกจากนี้ ในส่วนพื้นที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานได้ยากและมีความเสี่ยงสูง ได้มีการสั่งการให้ เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง จากหมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ เข้าปฏิบัติภารกิจทิ้งน้ำดับไฟในพื้นที่อีกด้วย
สำหรับพื้นที่ป่าพรุในเขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ มีพื้นที่ทั้งสิ้น 90,000 ไร่ โดยประมาณ และได้กันไว้เป็นป่าส่วนกลางไว้ร้อยละ 20 ของพื้นที่ โดยมีลำคลองกันเป็นแนวไว้เพื่อป้องกันชาวบ้านบุกรุกในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งการเกิด สถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุอยู่ในขณะนี้ สามารถการณฺไหม้ทั้งแนวราบและแนวดิ่งที่ลงลึกถึงตะกอนที่ทับถมในพื้นที่ป่าพรุ ส่งผลให้การดับไฟในที่ป่าพรุค่อนข้างยากลำบาก และอาจต้องใช้น้ำจำนวนมากเพื่อดับไฟป่าในครั้งนี้ และสถานการณ์โดยรวมยังคงมีไฟคุกรุ่นอยู่ และอาจมีแนวโน้มลุกลามอีก ซึ่ง รมช.มหาดไทยได้สั่งการกำชับการปฏิบัติให้มีการจัดเวรยามของชาวบ้านในพื้นที่ จนท.ปภ.ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหน่วยสนับสนุนเครื่องจักรเตรียมความพร้อม เพื่อป้องกันและควบคุมสถานการณ์.