รมช.มหาดไทย ติดตามมอบนโยบายแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน-จัดการน้ำเสีย
หมวดหมู่ : การเมือง, ยะลา,
โฟสเมื่อ : 4 ก.พ. 2565, 21:00 น. อ่าน : 1,050ยะลา- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยพร้อมมอบนโยบายด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน และการดำเนินการขององค์การจัดการน้ำเสียใน พื้นที่ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้( 4 ก.พ.2565)นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยพร้อมมอบนโยบายด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน และการดำเนินการขององค์การจัดการน้ำเสียในพื้นที่จังหวัดยะลา ที่ห้องประชุมไกรลาศ ที่ว่าการอำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยมี นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง นายวีรวัฒน์ ศิริกุลพิพัฒน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
การเดินทางมาติดตามนโยบายรัฐบาลครั้งนี้ เพื่อมอบนโยบายและแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ผ่านกลไกศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการลดอัตราการเสียชีวิตให้เหลือ 12 คนต่อประชากรแสนคนภายในปี พ.ศ. 2570
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยมากกว่า 20,000 คนต่อปี ส่วนคนเดินถนนในประเทศไทย ถูกรถชนเสียชีวิต ติด TOP 10 โลก ครองอันดับหนึ่งในเอเชีย กลุ่มเสียชีวิตสูงสุด อายุ 15-19 ปี และกลุ่มช่วงอายุ 50-69 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เกิดเหตุจากถูกรถจักรยานยนต์ชน เห็นได้ชัดว่าความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นประเด็นใหญ่ของประเทศไทย รัฐบาลจึงได้กำหนดให้การสร้างความปลอดภัยทางถนนเป็นนโยบายสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนให้ได้มากที่สุด
ทางรัฐบาลมอบหมายให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) บูรณาการทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างจริงจัง และต่อเนื่องทั้งช่วงปกติและช่วงเทศกาลสำคัญ ขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ผ่านกลไกการทำงานของจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนถิ่นภายใต้แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน และแผนปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2565 โดยเฉพาะการสร้างความปลอดภัยทางถนนในระดับท้องถิ่น ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือเป็นภารกิจหลักที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิด “ตำบลขับขี่ปลอดภัย” เป็นฐานนำไปสู่ “อำเภอขับขี่ปลอดภัย” และความปลอดภัยทางถนนในทุกระดับให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นจึงขอให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจังและต่อเนื่อง และให้ผู้นำชุมชน กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ดำเนินการร่วมกับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ โดยใช้มาตรการด้านสังคมและชุมชนอย่างเคร่งครัด เพื่อเฝ้าระวังตรวจตราป้องปรามและตักเตือนบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนและนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายระดับประเทศในการลดอัตราการเสียชีวิตให้เหลือ 12 คนต่อประชากรแสนคนภายในปีพ.ศ. 2570ควบคู่กับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด – 19 เพื่อนำไปสู่ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ”
ส่วนการดำเนินการขององค์การจัดการน้ำเสียในพื้นที่ เป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความสำคัญและส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและการดำรงชีวิตของประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จัดเป็นหน่วยงานสำคัญในการจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตนเอง ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเสริมสร้างศักยภาพให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะ ตลอดจนข้อแนะนำในทางปฏิบัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำเสีย เพื่อให้สามารถเร่งดำเนินการจัดการน้ำเสียในพื้นที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคของการจัดการน้ำเสียชุมชน
จากนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยตรวจเยี่ยมให้กำลังใจสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน สมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา พร้อมมอบสิ่งของชุดเยี่ยม สร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ จึงขอให้ทุกคนได้ยืนหยัดในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่พี่น้องประชาชน และประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริต เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนต่อไป.