ทัพเรือภาคที่2-จังหวัดสงขลา เตรียมพร้อมรับมือผู้ประสบภัยช่วงฤดูมรสุม

สงขลา-ทัพเรือภาคที่ 2 ร่วมกับ จังหวัดสงขลา เตรียมพร้อมกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และเครื่องมือช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยในช่วงฤดูมรสุม เพื่อลดความความสูญเสียและคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว 

     เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 66 เวลา 10.00 น. พลเรือตรี สุรเชษฎ์ ถาวรขจรศิริ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 พร้อมด้วยนายมาหะมะพีสกรี วาแม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ร่วมเปิดศูนย์บรรเทาสาธารณภัยและตรวจความพร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ กำลังพลในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงฤดูมรสุม ประจำปี 2566 ณ ลานจอดอากาศยาน สถานีการบินฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 โดยมีหน่วยงานของภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนในการรับมือกับเหตุภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูมรสุม และพร้อมปฏิบัติงานได้อย่างทันท่วงที เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและภาครัฐให้ได้มากที่สุด 

     พลเรือตรี สุรเชษฎ์ ถาวรขจรศิริ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ในฐานะรองผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 2 กล่าวว่า ในห้วงเดือนตุลาคม ถึงกลางเดือนมกราคมของทุกปี เป็นช่วงฤดูมรสุมของจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ อาจทำให้เกิดอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม โดยกองทัพเรือ มีความพร้อมเป็นอย่างมากในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ความรับผิดชอบ จึงได้จัดตั้งศูนย์บรรเทา สาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 2 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า "เรามีความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที"

     ทั้งนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 2 รับผิดชอบพื้นที่ทางทะลบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ตั้งแต่ทางบกบริเวณจุดรอยต่อบ้านเหนาะ อำเภอละแม จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาสโดยครอบคลุมถึงพื้นที่ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฏร์ธานี จากชายฝั่งทะเลไปจนถึงทะเลจีนใต้ที่ไม่ใช่ทะเลอาณาเขตของประเทศอื่น และมีขั้นตอนการปฏิบัติตามแผน 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นเตรียมการก่อนเกิดเหตุ ขั้นการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุ และขั้นการฟื้นฟูบูรณะภายหลังเกิดเหตุ

     ด้านนายมาหะมะพีสกรี วาแม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า การเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยวาตภัย และดินโคลนถล่ม ในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดทักษะความชำนาญ และสามารถปฏิบัติงานของกำลังพลในการใช้ยุทโธปกรณ์เข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งประชาชน และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เพื่อลดความความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน และสามารถคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว.