“นิพิฏฐ์” อดีต ส.ส.พัทลุง แนะแนวทางแก้บุกรุกที่ดิน ใครผิดต้องจัดการตามกฎหมาย
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 31 พ.ค. 2563, 21:47 น. อ่าน : 1,552 “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีต ส.ส.พัทลุง และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แนะ 2 แนวทางการแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ ใช้ประโยชน์ให้ถูกต้อง
ใครทำผิดกฎหมายต้องจัดการ และระบุจังหวัดพัทลุงมีการบุกรุกที่ดินของรัฐมากที่สุดของประเทศ
จากกรณีที่กลุ่มชาวบ้านเข้าไปไปถือครองที่ดิน “ควนท่าสำเภาสาธารณประโยชน์”
จำนวน 3,727 ไร่เศษ เพื่อสร้างเป็นที่ทำกินมากกว่า 3,500 ไร่ มานานกว่า 10 ปี จนชาวบ้านร้องเรียนไปยัง
พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ นายกู้เกียรติ
วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ทางอำเภอเมืองพัทลุง ฝ่ายปกครอง
อปท. และผู้นำท้องถิ่น เร่งสำรวจผู้บุกรุกเข้าไปสร้างที่ทำกินในพื้นที่ดังกล่าว
ซึ่งอยู่นอกเหนือบัญชีผู้ยากจน ยากไร้ จำนวน 397 ครัวเรือน
หากพบใครไม่มีสิทธิเข้าทำกินถือว่าบุกรุก ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามที่เสนอ
“ทีมข่าวไทยแหลมทองออนไลน์” เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
และอดีต ส.ส.พัทลุง เขต 2 เปิดเผยว่า
หากจะพูดตามกฎหมายบ้านเมืองผู้ที่เข้าไปทำกินในที่ดินพื้นที่ดังกล่าว
ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวผู้ยากจน ยากไร้ ที่เข้าร่วมโครงการ จัดที่ดินของรัฐ
ขจัดความยากจน ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งทาง อบต.ชัยบุรี
ได้เสนอรายชื่อไปให้ทางอำเภอทราบ จนนำไปสู่การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติของบุคคลเหล่านี้
หรือผู้บุกรุกทั่วไปนั้น
ถือว่าผู้เข้าไปสร้างที่ทำกินในที่ดินแห่งนี้ต้องเป็นผู้บุกรุกทุกๆ คน เนื่องจากขั้นตอนการดำเนินงานของกระทรวงมหาดไทยยังไม่แล้วเสร็จ
และยังไม่มีคำสั่งให้เข้าไปในที่ดินดังกล่าวจากสาเหตุเกิดการปฏิบัติของ คสช.
ดังนั้น แนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าวจึงมี 2
แนวทางคือ แนวทางที่ 1 การแก้ปัญหาแบบประนีประนอม
หากรัฐยังไม่ใช้ที่ดินดังกล่าวในระยะเวลาอันใกล้
โดยให้ผู้บุกรุกได้เช่าที่เพื่อเก็บผลอาสินในระยะเวลาที่กำหนด
เมื่อครบเวลาตามสัญญาที่ทำร่วมกันผู้เช่าที่ดินแปลงดังกล่าว
จะต้องออกนอกพื้นที่โดยทันที ส่วนแนวทางที่ 2 ผู้บุกรุกทุกๆ คน
จะต้องออกจากพื้นที่ที่เข้าไปบุกรุกเพื่อสร้างที่ทำกินนั้น
จะต้องออกนอกพื้นที่โดยทันที หากรัฐต้องการใช้ที่ดินแปลงนี้เพื่อเป็นประโยชน์ของส่วนร่วม
ซึ่งการแก้ปัญหาทั้ง 2
แนวทางนี้จะต้องมีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน หากยังไม่มีการกำหนดเวลาก็ไม่สามารถประเมินผลการแก้ปัญหาของ
จนท.รัฐได้ ตนมั่นใจว่าพื้นที่การบุกรุกในเนื้อที่ 3,727
ไร่นั้น คงใช้เวลาในการสำรวจตรวจสอบไม่นานนัก และตนยังมีความคิดเห็นตรงกับ
ร.ต.อนุกูล สุภาไชยกิจ อดีต สว.พัทลุง ว่าคนยากจน ยากไร้ คงไม่สามารถว่าจ้างรถแบคโฮเข้าไปปรับพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันได้มากกว่า
5 ไร่ได้
ส่วนจังหวัดจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ไปในแนวทางไหนนั้นชาวบ้านทั้งในและต่างจังหวัดกำลังจับตามอง
นายนิพิฏฐ์ฯ กล่าวอีกว่า การบุกรุกที่ดินของรัฐในจังหวัดพัทลุง ณ บริเวณริมทะเลสาบสงขลานั้นมีมาอย่างต่อเนื่องและมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการบุกรุกไปสร้างเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนใหญ่เป็น นส.3 ก.นั้น มีการบุกรุกที่มากที่สุดของประเทศ โดยในขณะนี้มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก. ไปแล้ว 30 แปลง เนื้อที่ 1,313 ไร่ ขอเพิกถอนฯ ไปแล้วแต่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของกรมที่ดิน 136 แปลง เนื้อที่ 4,504 ไร่ และขอเพิกถอนไปแล้วแต่ยังอยู่ในการพิจารณาของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 2,553 แปลง เนื้อที่ 8,380 ไร่ รวมทั้งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบอีก 1,959 ไร่ ประมาณ 6 หมื่นไร่ ดังนั้นตนจึงอยากเห็นการแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐในจังหวัดพัทลุงที่โปร่งใส บริสุทธิ์ และยุติธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้จังหวัดพัทลุงแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐให้เป็นพื้นที่นำร่องของประเทศ.
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง