ผวจ.พัทลุง ฉุนชาวบ้าน 2,000 ครัวเรือน บุกยึดที่สาธารณประโยชน์ 3 พันกว่าไร่
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 23 พ.ค. 2563, 12:26 น. อ่าน : 1,163 ผวจ.พัทลุง ฉุนฝ่ายปกครองท้องที่ ปล่อยให้ชาวบ้านเข้าไปบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์
ด้านนักธุรกิจเสนอให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ก่อสร้างสนามบินพัทลุง
จากกรณีที่ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบหมายให้ พ.อ.พิชิต โชติแก้ว รอง ผอ.รมน.จ.พัทลุง พร้อมด้วย นายสมนึก บัวขวัญ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ.เมืองพัทลุง และ เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 25 คน ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุชาวบ้านในท้องที่ ม.2, 4, 5, 7 ต.ชัยบุรี และท้องที่ ม.8, 11 ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง ประมาณ 2,000 ครัวเรือน เข้าไปถือครองที่ดิน “ควนท่าสำเภาสาธารณประโยชน์” จำนวน 3,727 ไร่เศษ ซึ่งอยู่ในความดูแลปกครองของกระทรวงมหาดไทย เพื่อสร้างเป็นที่ทำกินมากกว่า 3,500 ไร่ อาทิ การทำนา ปลูกปาล์มน้ำมัน ยางพารา มะพร้าว พืชผักต่างๆ และเลี้ยงสัตว์ เกือบเต็มพื้นที่ บางรายมีการปักรั้วแนวเขตที่มั่นคง รวมทั้งปรับสภาพพื้นที่เพื่อการไร่นาสวนผสมมานานกว่า 10 ปี จนมีชาวบ้านทำหนังสือร้องเรียนไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 และแม่ทัพภาคที่ 4 ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง เปิดเผยว่า ได้รับการรายงานในเบื้องต้นจาก พ.อ.พิชิต โชติแก้ว รอง ผอ.รมน.จ.พัทลุง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว ตนในฐานะชาวพัทลุงคนหนึ่งรู้สึกงุนงงกับเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะฝ่ายปกครองในท้องที่ ซึ่งประกอบไปด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ทำไมจึงไม่เข้าไปปกป้อง แก้ไข ปัญหาการบุกรุกเข้าไปทำกินในที่ดินสาธารณประโยชน์ดังกล่าว และเมื่อปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นไม่มีการรายงานให้ทางอำเภอและหน่วยงานที่รับผิดชอบได้รับทราบ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาในเบื้องต้นให้แล้วเสร็จ จนนำไปสู่การบุกรุกเข้าไปถือครองในที่ดินดังกล่าวเป็นของตนเองของชาวบ้านในที่สุด สำหรับปัญหาดังกล่าวนี้ตนจะได้เชิญทาง พ.อ.พิชิต โชติแก้ว รอง ผอ.รมน.จ.พัทลุง หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว และฝ่ายปกครอง มาร่วมประชุมเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาการรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ดังกล่าวในวันจันทร์ที่ 25 พ.ค. 2563 นี้
ชาวบ้านรายหนึ่งใน
ต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง เปิดเผยว่า การบุกรุกไปทำกินในที่ “ควนท่าสำเภาสาธารณ ประโยชน์” ในครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ต.ชัยบุรี ซึ่งทางราชการได้จัดสรรที่ทำกินเป็นโฉนดที่ดิน
เนื้อที่ 5,000 ไร่ เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา โดยมีผู้นำท้องถิ่นบางรายนำชาวบ้านเข้าไปบุกรุกด้วย
จึงเป็นสาเหตุที่สำคัญที่ไม่มีรายงานการบุกรุกในที่ดินดังกล่าวให้ทางราชการทราบ ส่วนการที่ผู้นำท้องถิ่นบางรายที่อ้างว่ามีการสร้างที่ทำกินในที่ดินดังกล่าวมานานประมาณ
70 ปีนั้น ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
เนื่องจากภาพถ่ายทางอากาศล่าสุดประมาณปี พ.ศ.2535
สภาพพื้นที่สาธารณประโยชน์แห่งนี้ยังเป็นสภาพป่าที่สมบูรณ์
โดยไม่มีการสร้างที่ทำกินแต่อย่างใด จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้นำท้องถิ่นบางรายและชาวบ้านผู้บุกรุกในครั้งนี้ด้วย
เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆ ต่อไป