อัยการฯสั่งฟ้อง2 ลูกจ้างทุจริตเก็บค่าธรรมเนียมขยะขึ้นเกาะหลีเป๊ะ

หมวดหมู่ : สงขลา, ทั่วไป,

อ่าน : 751
สตูล เก็บค่าธรรมเนียมขยะเก็บขยะขึ้นเกาะหลีเป๊ะ มัลดีฟเมืองไทย
อัยการฯสั่งฟ้อง2 ลูกจ้างทุจริตเก็บค่าธรรมเนียมขยะขึ้นเกาะหลีเป๊ะ

สงขลา-อัยการเอาจริงสั่งฟ้องทุจริตเก็บค่าธรรมเนียมขยะขึ้นเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูลโดยไม่มีอำนาจเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างร้ายแรง และไม่ได้นำเงินส่งเข้าคลัง อบต. ยื่นฟ้อง 2 ลูกจ้างและให้คืนเงินเข้าคลัง 1.5 ล้านบาทเศษ ส่วนอดีตนายก อบต. ยุติคดีเพราะเสียชีวิต


นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง โฆษกและรองอธิบดีอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 ( สงขลา )ให้ข้อมูลการทุจริตเก็บค่าธรรมเนียมขยะขึ้นเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล หรือมัลดีฟเมืองไทย สถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนอยากไปถึง รวมทั้งชาวต่างชาติ ที่นิยมมาเที่ยวชมท้องทะเลไทย ที่งดงามไม่แพ้ที่ใดในโลก ตั้งอยู่บนเขตพื้นที่ อบต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อให้ประชาชน ในท้องถิ่น ในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีรายได้ เลี้ยงตัวเองได้ แต่มีการทุจริตหาประโยชน์จากการท่องเที่ยวอัยการถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงที่ทำลายเศรษฐกิจของประชาชน ของชาติไทย ขัดนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล


คดีนี้เกิดเหตุระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ถึงปลายปี พ.ศ.2558 นาย ธ ปลัด อบต.เกาะสาหร่าย   ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้มอบหมายให้ลูกจ้างองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่าย กับพวกอีก 3 คน ซึ่งเป็นผู้ช่วยไปเก็บเงินค่าธรรมเนียมขยะจากนักท่องเที่ยวในแต่ละวัน โดยผู้ช่วยจะไปประจำอยู่บนโป๊ะหน้าหาดหลีเป๊ะ คอยเก็บเงินค่าธรรมเนียมขยะจากนักท่องเที่ยวคนละ 20 บาท และมอบตั๋วค่าธรรมเนียมให้กับนักท่องเที่ยวด้วย ตั๋วดังกล่าวมีตราสัญลักษณ์ขององค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่ายประทับอยู่ ต่อมานาย น เลขานายก อบต.เกาะสาหร่าย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มอบหมายให้นาย ส  นำเงินที่เก็บได้นั้นมอบให้แก่นาย น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ทั้งที่องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่ายไม่มีอำนาจเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมขยะดังกล่าวจากนักท่องเที่ยวตามกฎหมาย เงินที่เก็บได้ในแต่ละวันที่ได้มอบให้แก่นาย ธ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และบางส่วนถูกนำไปให้นาย น     


ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นั้น ไม่ได้มีการนำเงินดังกล่าวส่งคลังขององค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่ายแต่อย่างใด รวมประมาณ 1,553,220 บาท จากการกระทำของนาย ธ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ที่ร่วมกับนาย ด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นายก อบต.เกาะสาหร่าย ในขณะนั้น เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเงินความเสียหายจำนวน 1,553,220 บาท ทุจริตเป็นของตน เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่าย และนาย น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เป็นผู้สนับสนุนนาย ด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และนาย ธ  ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และนาย น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่าย


เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2564 พนักงานอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 โดยนายชัยวัฒน์ สุวรรณยอด เจ้าของสำนวน ได้ยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 ราย เนื่องจากนาย ด  อดีตนายก อบต. ถึงแก่ความตาย ยุติคดีเฉพาะนาย ด ฟ้องผู้ต้องหาที่เหลือ 2 ราย ในความผิดตาม ปอ.ม.147, 157 และ ม.86 ขอให้ศาลสั่งคืนเงินที่ทุจริตดังกล่าวคืน อบต.เกาะสาหร่าย คดีนี้อัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 รับสำนวนจาก ปปช อัยการสูงสุดมีความเห็นรับดำเนินคดี สั่งฟ้องตามอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 เสนอ


จำเลยมีสิทธิ์ต่อสู้คดีตามกฏหมาย ส่วนผลการพิจารณาคดี จะได้แจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147  ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


“ถ้าเป็นเจ้าพนักงานของรัฐกฎหมายลงโทษหนักมากสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต ตามมาตรา 147 แต่ถ้าเป็นประชาชนหลอกลวงเก็บเงินกันเองจะผิดตาม มาตรา 341  ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี ต่ำกว่าความผิดต่อเจ้าพนักงานของรัฐมาก จึงฝากเตือนข้าราชการและหน่วยงานของรัฐทั้งหลาย อย่าทุจริต อย่าทำผิดกฎหมาย อย่าประพฤติมิชอบ ส่วนใหญ่คิดว่าเรื่องนี้เราไม่น่าจะโดนจับ โดนแฉ เมื่อถูกดำเนินคดีอัยการไม่มีสิทธิ์ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ต้องทำหน้าที่ไปตามกฏหมายเท่านั้น”นายโกศลงวัฒน์กล่าว.