ซีพีเอฟ ประกาศจัดการอาหารส่วนเกินและขยะอาหารเป็นศูนย์ ปี 2573
หมวดหมู่ : เศรษฐกิจ, ทั่วไป, กรุงเทพฯ,
โฟสเมื่อ : 27 ส.ค. 2563, 08:00 น. อ่าน : 1,715กรุงเทพฯ - ซีพีเอฟ ประกาศจัดการอาหารส่วนเกินและขยะอาหารในกระบวนการผลิตเป็นศูนย์ ในปี 2573
บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
หรือ ซีพีเอฟ ประกาศนโยบายการจัดการอาหารสูญเสียและขยะอาหาร (Food Loss &
Food Waste Policy) ในกระบวนการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน โดยกำหนดเป้าหมายสำคัญในการลดอาหารส่วนเกินและขยะอาหารเป็นศูนย์
ในปี 2573
ภายใต้นโยบายดังกล่าว ซีพีเอฟ มุ่งมั่นสนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ
(Sustainable
Development Goals : SDGs) ข้อ 12 ว่าด้วยเรื่องการมีแบบแผนการผลิตและการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ
ซึ่งส่วนหนึ่งของเป้าหมายมุ่งลดขยะอาหารของโลก 50%
ในระดับค้าปลีกและผู้บริโภคภายในปี 2573 เป้าหมายในส่วนของซีพีเอฟจะลดการสูญเสียอาหารจากกระบวนการผลิตในห่วงโซ่อุปทาน
รวมถึงการสูญเสียอาหารในกระบวนการผลิต การลดอาหารส่วนเกิน
และขยะอาหารในกระบวนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯให้เป็น 0 ในปี
2573 เช่นเดียวกัน ทั้งในประเทศไทยและกิจการในต่างประเทศ
นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์
รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ตระหนักดีถึงการสูญเสียอาหารและขยะอาหารที่เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่คุณค่าการผลิตอาหารตั้งแต่ โรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ กระบวนการผลิตอาหาร
รวมทั้งการขนส่ง การจัดเก็บ บรรจุภัณฑ์ และสุดท้ายคือผู้บริโภค ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ
เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน
โดยเฉพาะกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและสูญเสียโอกาสในการเข้าถึงแหล่งอาหารของผู้ด้อยโอกาสในสังคม
ซีพีเอฟ
ได้นำแนวทางการรายงานและการจัดการการสูญเสียอาหารและขยะอาหารที่พัฒนาโดยองค์กรสากล
เช่น องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization
of the United Nations : FAO) สภาธุรกิจโลกเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
(World Business Council for Sustainable Developmet : WBCSD) และสถาบันทรัพยากรโลก (World Resources Institute : WRI) มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
เพื่อสร้างคุณค่าต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
“การผลักดันให้เกิดการบริโภคที่ยั่งยืน
เพื่อลดการสูญเสียอาหาร ถือเป็นความรับผิดชอบของทุกภาคส่วน ทั้งระดับตัวบุคคล
สถาบันและองค์กร เพราะ 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตมาทั่วโลก
จะถูกทิ้งทำลายไปโดยเปล่าประโยชน์
ดังนั้นการบริหารจัดการอย่างจริงจังตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมอาหาร
ถึงผู้บริโภค จึงเป็นเรื่องความสำคัญอย่างมาก ในการใช้ทรัพยกรของโลกที่มีอย่างจำกัด
ให้เกิดมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อโภชนาการและสุขอนามัยที่ดี
สร้างการเข้าถึงอาหารและลดการเหลื่อมล้ำ ทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาการจัดการขยะอาหารของโลกที่ต้นเหตุ”
นายวุฒิชัย กล่าว
สำหรับแนวทางปฏิบัติของ
ซีพีเอฟ เพื่อให้มั่นใจว่าการบริหารจัดการการลดสูญเสียอาหาร
อาหารส่วนเกิน และขยะอาหารสอดคล้องกับหลักการการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน
ประกอบด้วย 3 แนวทางหลัก คือ 1.การลดการสูญเสียอาหาร
อาหารส่วนเกิน และขยะอาหารตั้งแต่ต้นทางการผลิต ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าของการผลิตอาหาร
2.สนับสนุนการนำอาหารส่วนเกินและขยะอาหาร
(ที่เกิดระหว่างกระบวนการผลิต การขนส่ง ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจร้านอาหาร โดยใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
(Circular Economy) เพื่อลดการสูญเสีย และเพิ่มมูลค่า ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
และ 3.การสร้างความตระหนักและส่งเสริมด้านการบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน
เพื่อลดการสูญเสียและอาหารส่วนเกินและขยะอาหาร ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย เช่น ลูกค้า
คู่ค้า พนักงาน และเกษตรกร ผ่านการสื่อสาร การให้ความรู้และการรณรงค์
นอกจากนี้
ซีพีเอฟ ยังมีนโยบายที่สนับสนุนเป้าหมายการลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารหลายด้าน
เช่น จัดหาอย่างยั่งยืน
และแนวปฏิบัติสำหรับคู่ค้าธุรกิจและแนวทางปฏิบัติด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน เป็นต้น
โดยมีการ
สนับสนุนทางเทคนิคและอบรมให้กับคู่ค้าและผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่อุปทานให้ปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกันในการหลีกเลี่ยงและลดการสูญเสียก่อนและหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตและการจัดหาวัตถุดิบ
ขณะที่การพัฒนาบรรจุภัณฑ์มุ่งเน้นให้การถนอมและการเก็บรักษาอาหารสามารถทำได้นานขึ้น
และใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Recyclable)
ซีพีเอฟ
ยังมุ่งมั่นบริหารจัดการวัตถุดิบในกระบวนการผลิตอาหารให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสนับสนุนให้เกิดโครงการเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต
(Co-product) เพื่อลดปริมาณการสูญเสียในโรงงานของบริษัทฯ ตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น
การนำชิ้นส่วนเป็ดไปผลิตเป็นลูกชิ้นเป็ด ผลิตภัณฑ์เลือดหมูหลอด ขนเป็ดสำหรับใส่หมอนและเครื่องนอน
นายวุฒิชัย
กล่าวต่อไปว่า ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร
ตามวิสัยทัศน์ “ครัวโลกยั่งยืน” ซีพีเอฟ มีการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน
3 เสาหลัก คือ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่า คงอยู่
ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความยั่งยืนในการผลิตและการบริโภค
สร้างความมั่นคงทางอาหารและลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“การบริหารจัดการที่ดีตลอดห่วงโซ่การผลิตช่วยให้ซีพีเอฟผลิตและกระจายสินค้าได้เพียงพอกับความต้องการ และไม่เหลือทิ้ง ลดการสูญเสียทรัพยากร ลดปัญหาขยะ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามเป้าหมายการผลิตอาหารมั่นคงและยั่งยืน” นายวุฒิชัย กล่าว.
นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ