รัฐอย่านิ่งเฉย ต้องเร่งกวาดล้าง “ขบวนการลักลอบนำเข้าหมู” ลุกลามทั่วประเทศ
หมวดหมู่ : เศรษฐกิจ, ทั่วไป, กรุงเทพฯ,
โฟสเมื่อ : 16 มิ.ย. 2565, 14:08 น. อ่าน : 1,032 กรุงเทพฯ -
นับวัน “ขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อหมู” ยังคงระบาดหนักขึ้น
หลังเข้าสู่เมืองหลวงของการเลี้ยงหมูอย่าง ราชบุรี และนครปฐม
ที่พบการนำเข้ามาเก็บในห้องเย็น ก่อนแพร่ลามมาที่กรุงเทพมหานคร
จนกระจายไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน
ถือเป็นกลุ่มคนฉกฉวยโอกาสหาผลประโยชน์บนความทุกข์ของเกษตรกรผู้ผลิตสุกรไทย
โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา
เนื่องจากเนื้อหมูและชิ้นส่วนผิดกฎหมายเหล่านี้
นำเข้ามาจากหลายประเทศทั้ง สหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมัน บราซิล อิตาลี เบลเยียม
และเกาหลีใต้ แต่สำแดงเท็จว่าเป็น สินค้าประเภทอาหารทะเล
หรือวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง
ทั้งที่เนื้อหมูลักลอบไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบโรคสัตว์ ตาม
พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ของกรมปศุสัตว์ และยังไม่มีเอกสารใบอนุญาตนำเข้า และหลักฐานแสดงที่มาของแหล่งกำเนิด
ซึ่งหากชิ้นส่วนหรือเนื้อหมูเหล่านี้ มาจากสัตว์ที่เป็นโรค หรือพาหะของโรคระบาด
ย่อมมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคระบาดที่สร้างความเสียหายให้กับการเลี้ยงหมูไทยได้
ถือเป็นการซ้ำเติมวิกฤตที่เกษตรกรผู้เลี้ยงกำลังเผชิญอยู่ให้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ที่สำคัญเนื้อหมูลักลอบเหล่านี้ยังมาจากหลายประเทศที่อนุญาตให้ใช้สารเร่งเนื้อแดงในกระบวนการเลี้ยงได้
ต่างจากประเทศไทยที่ห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงในกระบวนการผลิตสัตว์มาตั้งแต่ พ.ศ.2545
ตามประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และปี พ.ศ. 2546 ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข
ดังนั้น เนื้อหมูลักลอบนำเข้าที่นำมาจำหน่ายปะปนกับเนื้อหมูไทย
นอกจากผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการบ่อนทำลายความปลอดภัยทางอาหารของคนไทยอีกด้วย
ในประเด็นนี้
นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ ให้ข้อมูลว่า
ขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรและชิ้นส่วนผิดกฎหมาย
ถือเป็นความเสี่ยงที่ทำลายระบบการป้องกันโรคที่เกษตรกรผู้เลี้ยงและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสร้างขึ้นมา
เพราะเป็นปัจจัยที่นำพาทั้งโรคและสารอันตรายเข้ามาทำลายเกษตรกรไทย ทั้งจากโรคระบาด
การถูกบิดเบือนตลาดจากปริมาณที่นำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย
อีกทั้งยังทำให้ผู้บริโภคคนไทยต้องตายผ่อนส่งจากสารอันตรายที่แฝงมากับเนื้อหมูเถื่อน
ส่งผลให้รัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาลการเจ็บป่วยจากการได้รับสารเหล่านั้น
และยังสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี
ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
ด้วยเหตุนี้ เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูไทยจึงขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้ง กรมปศุสัตว์ กรมศุลากร เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เร่งตรวจตราและกวาดล้างขบวนการลักลอบนำเข้าไม่ให้เข้ามาทำลายวงการสุกรไทยเด็ดขาด เพราะที่ผ่านมา เกษตรกรได้ลงทุนปรับวิธีการเลี้ยงการจัดการป้องกันโรคที่เข้มงวด เพื่อไม่ให้โรค ASF มาทำอันตรายกับสุกรในฟาร์ม ดังนั้น จึงขอให้เร่งปราบปรามขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูให้สิ้นซาก และคัดค้านการนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศ
สุดท้าย วอนขอให้ใช้กลไกตลาดจัดการสมดุลราคา เพื่อให้เกษตรกรบริหารจัดการผลิตและการตลาดให้ผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม ไม่ถูกบิดเบือนกลไกราคา เป็นแรงจูงใจสำคัญให้เกษตรกรผู้เลี้ยงที่กำลังตัดสินใจกลับเข้าสู่ระบบการผลิต หลังจากต้องหยุดพักไป ช่วยเพิ่มปริมาณสุกรในอุตสาหกรรมให้เพียงพอกับความต้องการบริโภคอย่างยั่งยืน.