ชื่นชม ผวจ.สงขลา ใส่ใจเอาผิดกับผู้บุกรกุเขาแดง
หมวดหมู่ : สงขลา, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 17 มี.ค. 2565, 21:30 น. อ่าน : 1,091สงขลา-ผวจ.สงขลา นำทีมทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง และสำนักศิลปากร 11 สงขลา แถลงข่าวชี้แจงความคืบหน้าคดีบุกรุกเขาแดง ยืนยันคดีมีความคืบหน้า อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด หากสอบสวนพบเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ด้าน ผอ.สำนักศิลปากร 11 สงขลา เผยเบื้องต้นที่มีการตรวจสอบในจุดที่บุกรุกเป็นที่ดินบริเวณดังกล่าวทั้งหมดไม่มีเอกสารสิทธิ์ใด ๆ ขณะที่เครือข่ายกลุ่มคนสงขลา ชื่นชม ผวจ. สงขลา ที่ใส่ใจเรื่องนี้
การบุกรุกเขาแดง หรือหัวเขาแดง และ เขาน้อยรวมทั้งแหล่งโบราณสถานบนเขาแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีทั้งการบุกรุกเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย การทำบ่อดินลูกรัง และเพื่อการพาณิชย์ นอกจากน้ียังมีการขโมยขุดฐานเจดีย์เพื่อหาทรัพย์สิน จนมีประชาชนร้องเรียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และดำเนินคดีกับผู้บุกรุก โดยสำนักศิลปากรที่11 สงขลา ได้เข้าแจ้งความ ที่ สภ.สิงหนคร ดำเนินคดีจุดที่ 1 ที่บริเวณเขาแดง ผู้ต้องหา 1 คน ได้เข้ามอบตัวไปแล้ว จุดที่ 2 ที่บริเวณเขาน้อย ซึ่งอยู่หลังป้อมเมืองเก่าสงขลา หมายเลข 9 นางจันทร์ทิมา จันทร์สว่าง ชาว อ.สิงหนคร เป็นบุตรสาวอดีตนายกเทศมนตรี ได้มารายงานตัว เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2565 พร้อมนายปอน เลิศเฉลิมวงษ์ ชาว อ.สิงนคร คนขับรถแบคโฮ โดยผู้ต้องหาให้การภาคเสธ นางจันทร์ให้การว่าเป็นเจ้าของที่ดินว่าจ้างรถแบกโฮมาขุดปรับที่ดิน แต่ไม่ได้เข้าไปคุม คนขับรถแบกโฮปรับที่ดินเลยแนวเขตเข้าไปในที่ดินของโบราณสถาน ขณะที่กลุ่มคนสงขลาออกมาเคลื่อนไหวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายกับผู้บุกรุกทั้งหมด รวมทั้งตรวจสอบการครอบครองที่ดินบนเขาแดงและบริเวณหาดเก้าเส้ง จ.สงขลาด้วย ตามที่เสนอข่าวมาแล้วนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมี่อวันที่ 16 มี.ค. 2565 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผวจ.สงขลา พร้อมด้วย นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รอง ผวจ.สงขลา พล.ต.ต.อาซาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา นายพงษ์ธันว์ สำเภาเงิน ผอ.สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา นายปัญญา จินดาวงศ์ นายอำเภอสิงหนคร ผู้แทนจากกรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการติดตามหาตัวบุกรุกและทำลายโบราณสถานเขาแดงและเขาน้อย อ.สิงหนคร ที่ห้องประชุมประชารัฐร่วมใจ ที่ว่าการอำเภอสิงหนคร จ.สงขลา โดย ผวจ.สงขลา กล่าวว่าทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายตำรวจ อำเภอ ท้องถิ่น สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 สงขลา หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สข. 8 (ห้วยลึก) และสำนักงานที่ดิน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก
พลตำรวจตรี อาซาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา กล่าวถึงการติดตามผู้กระทำผิด และความผิดที่เกิดจากการบุกรุกว่า ปัญหาการบุกรุกโบราณสถานเขาแดง มีทั้งหมด 3 จุด โดยจุดแรกบริเวณเขาแดง มีการลักลอบทำลายโบราณสถาน และแผ้วถางป่าเพื่อทำถนนขึ้นไปบนยอดเขาแดง จุดที่สองบริเวณเขาน้อย หลังป้อมเมืองเก่าสงขลาหมายเลข 9 มีการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าในเขตโบราณสถาน และจุดที่สาม บริเวณเจดีย์องค์ดำ-องค์ขาว มีการลักลอบขุดเจาะฐานเจดีย์องค์ดำ จนได้รับความเสียหาย ซึ่งทางสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนและได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วในจุดบุกรุกที่ 1 ที่บริเวณเขาแดง และจุดที่ 2 ที่บริเวณเขาน้อย หลังป้อมเมืองเก่าสงขลาหมายเลข 9 เมื่อวันที่ 21 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา
พนักงานสอบสวนจากตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ได้ร่วมกับ สภ.สิงหนคร ได้เร่งค้นหาหลักฐาน ทั้งในทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานบุคคลในพื้นที่ รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อรวมรวบข้อมูล และขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปสำนวนคดีบุกรุกโบราณสถานทั้ง 3 คดี ซึ่งได้มีการสอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก และในทางการสืบสวนนั้น มีผู้เข้ามาแสดงตนว่าเป็นผู้กระทำผิดแล้ว จำนวน 3 ราย แต่การดำเนินการจะเน้นหนักในเรื่องพยานหลักฐานเป็นหลัก จึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุม ซึ่งในภาพรวมถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก หากรวบรวมหลักฐานได้ครบถ้วนคาดว่าจะสรุปสำนวนส่งให้ทางอัยการดำเนินการในลำดับต่อไป
นายพงษ์ธันว์ สำเภาเงิน ผอ.สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา กล่าวว่า หลังจากได้แจ้งความดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทางสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลาก็ได้ร่วมกับสำนักงานที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาสิงหนคร เข้าตรวจสอบเขตพื้นที่โบราณสถานบริเวณเขาน้อยและบริเวณเขาแดง ซึ่งเป็นเขตโบราณสถานที่กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,400 ไร่ เบื้องต้นที่มีการตรวจสอบในจุดที่บุกรุกเป็นที่ดินบริเวณดังกล่าวทั้งหมดไม่มีเอกสารสิทธิ์ใด ๆ
สำหรับการดำเนินงานขั้นตอนต่อไป จะมีการติดตามสภาพของโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากการฝ่าฝืนและบุกรุก โดยมีการบูรณาการความร่วมมือในเรื่องของการประเมินผลกระทบ การลดผลกระทบและการเข้าฟื้นฟูสภาพของโบราณสถาน ซึ่งขณะนี้ได้ประสานความร่วมมือไปยังผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 สุราษฎร์ธานี ในการจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบชั้นดินและโครงสร้างต่างๆ ของโบราณสถานในวันที่ 21 มีนาคม นี้ สำหรับการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจะมีการประเมินและจะให้ผู้กระทำผิดรับผิดชอบและจะมีการวางแผนร่วมกับสำนักงานที่จังหวัดสงขลา สาขาสิงหนครในการตรวจสอบแนวเขตโบราณสถาน และพื้นที่ของรัฐที่ชัดเจนทั้งหมด
ด้านนายปัญญา จินดาวงศ์ นายอำเภอสิงหนคร กล่าวว่า หลังจากมีการตรวจสอบแนวเขตก็จะร่วมกับท้องถิ่น ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชน สร้างเครือข่ายให้ประชาชนได้ร่วมกันปกป้องพื้นที่โบราณสถานและพื้นที่อนุรักษ์ เนื่องจากบริเวณอำเภอสิงหนครเป็นย่านเมืองเก่าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันหลายฝ่าย
ผวจ.สงขลาได้กล่าวเพิ่มเติมเรื่องการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แม้ว่าจะมีหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบดูแลอยู่แล้วนั้น แต่สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม คือการบูรณาการความร่วมมือของทุกหน่วยงานและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ให้เข้ามามีส่วนร่วม โดยให้ทางอำเภอเป็นหน่วยงานเชื่อมต่อระหว่างส่วนราชการ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน ในการปกป้อง รักษา ดูแลทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม โบราณสถาน หรือทรัพย์สินอื่นๆ ของทางราชการ ซึ่งหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด ก็จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด โดยไม่มีข้อละเว้น และถ้ากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่มีหน้าที่โดยตรงละเลยการปฏิบัติหน้าที่ก็จะถูกปลดออกจากตำแหน่งโดยทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายกลุ่มคนรักสงขลาที่เฝ้าติดตามข่าวการบุกรุกเขาแดง เปิดเผยว่า ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า บริเวณเขาแดงอยู่ไม่ไกลจากศาลากลางจังหวัด และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง แต่การบุกรุกเขาแดงเกิดขึ้นไม่มีใครใส่ใจ ผ่าน ผวจ.มากี่คนแล้วรวมทั้ง นายอำเภอ ผบก.ภ.จว. และหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปล่อยให้มีการบุกรุกทำลายโบราณสถานได้อย่างไร ตามประวัติศาสตร์เมืองสงขลา บริเวณเขาแดงเคยเป็นที่ตั้งป้อมปราการ ที่ตั้งจุดยิงปืนใหญ่ ในอดีตช่วงที่เจ้าเมืองสงขลาคิดจะแยกตัวไม่ขึ้นกับกรุงศรีอยุธยา ทางกรุงศรีอยุธยาส่งทัพมาปราบยิงถล่มป้อมปราการบริเวณเขาแดง และสยบอดีตเจ้าเมืองสงขลาไว้ได้ อีกทั้งมีโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ จึงขอขอบคุณ ผวจ.สงขลาคนปัจจุบันที่ใส่ใจลงมาจัดการกับเรื่องนี้ ทั้งๆที่ถูกปล่อยปละละเลยมานาน ซึ่งข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.