ยังไม่หมด!! จี้รัฐ เร่งล้างบาง “หมูลักลอบนำเข้า” รีบสาวให้ถึงตัวการบ่อนทำลายชาติ
หมวดหมู่ : ทั่วไป, กรุงเทพฯ,
โฟสเมื่อ : 30 มิ.ย. 2565, 15:27 น. อ่าน : 1,018 กรุงเทพฯ - ข่าวคราวเจ้าหน้าที่กองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์
สนธิกำลังกับด่านกักกันสัตว์ บุกตรวจสอบห้องเย็นเก็บซากสัตว์ กลางเมืองนครปฐม
หลังได้รับร้องเรียนว่ามีการลักลอบนำเข้าซากหมูจากต่างประเทศมาเก็บซุกซ่อนไว้
หลังตรวจเจ้าหน้าที่เก็บซากสัตว์นำเข้าจากต่างประเทศ และซากสัตว์ไม่ทราบแหล่งที่มา
รวม 3,703 กล่อง จำนวนทั้งสิ้น 59,089 กิโลกรัม ระบุข้างกล่องว่ามาจากโปแลนด์
เยอรมนี และชิ้นส่วนหมูที่ไม่ระบุแหล่งที่มาอีกจำนวนมาก
ภารกิจนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่า
ขบวนการลักลอบนำเข้าหมูยังไม่หมดไปจากประเทศไทย และยังคงบ่อนทำลายชาติ
สร้างความเสียหายให้กับประชาชนคนไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่กลัวกฎหมาย
ไม่เกรงโทษทัณฑ์ของแผ่นดิน มิหนำซ้ำ
พวกที่รับช่วงไปขายต่อก็ยังโพสต์เสนอขายในเฟสบุ๊คและแอปฯไลน์แบบโจ่งแจ้ง
เพราะตราบใดที่ภาครัฐยังจับไม่ได้ ยังมีคนซื้อ ก็ทำมาหากินบนความทุกข์ของคนไทยได้ต่อไป
ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐต้องเร่งขจัดขบวนการนี้ให้หมดไป
ไม่เพียงแค่กรมปศุสัตว์ที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้และสามารถตรวจจับทลายได้หลายครั้งหลายคราเท่านั้น
แต่หน้าด่านอย่าง “กรมศุลกากร”
ผู้ที่ต้องทำหน้าที่ควบคุมทางศุลกากรเพื่อปกป้องสังคม และเศรษฐกิจชาติ
ก็ต้องเร่งจัดการทลายขบวนการนี้ให้เร็วที่สุด
อย่าให้หมูเถื่อนที่สำแดงเท็จเป็นสินค้าอื่น
อย่างอาหารทะเลหรือวัตถุดิบอาหารสัตว์เลี้ยง
กลายเป็นดาบสองคมที่บาดลึกทั้งประชาชนที่ต้องรับสารเร่งเนื้อแดง สารตกค้าง
โรคที่ปนมาด้วย เกษตรกรไทยต้องหวาดหวั่นว่าจะได้รับโรคต่างถิ่น รวมถึงเสี่ยงกับโรค
ASF
ที่มากับหมูเหล่านี้
และเศรษฐกิจไทยต้องถูกกัดกินจากกลุ่มคนที่หวังทำลายชาติ
วันนี้จะเข้าถึงคนผิดทำไม่ยาก
แค่เสาะหาแหล่งจำหน่ายผ่านเฟซบุ๊คก็มีให้เห็นถมเถ
หรือแม้แต่จะสาวจากห้องเย็นที่กระทำผิด ไปให้ถึงผู้นำเข้าที่เป็นตัวการหลักของปัญหาก็ไม่น่ายาก
ที่สำคัญต้องใช้กฎหมายจัดการ ทั้ง พรบ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์
พ.ศ.2557,
พรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558, พรบ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์
พ.ศ.2558, พรบ.ควบคุมการฆ่าเพื่อจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559
และระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจัดการให้ถึงที่สุด
สรุปคือ “ต้องตรวจจริง จับจริง ลงโทษจริง” อย่าให้พวกบ่อนทำลายชาติเหิมเกริม คิดว่าภาครัฐไม่เอาจริงเอาจัง หรือเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ปล่อยให้คนผิดลอยนวล.
เรื่องโดย : เนื่องนที ฤกษ์เจริญ นักวิชาการอิสระด้านการเกษตร