ผู้ต้องหาขโมยรังนกพัทลุงแฉได้ส่วนแบ่ง 30%ที่เหลือ จนท.รัฐแบ่งกับผู้ร่วมขบวนการ -ส.ส.จี้สอบการเงิน
หมวดหมู่ : การเมือง, พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 21 ต.ค. 2564, 22:00 น. อ่าน : 1,913พัทลุง-เผยการสอบสวนผู้ต้องหาคดีขโมยรังนก จ.พัทลุง ยอมเปิดปากแฉ จนท.รัฐเปิดทางให้เข้าไปขโมย ไ้ด้รับส่วนแบ่ง 30% จากการขายในตลาดมืดที่เหลือ จนท.รัฐ และผู้ร่วมขบวนการแบ่งกัน ด้าน ”ส.ส.นริศ” จี้ให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินของ จนท.รัฐและผู้เกี่ยวข้องกับการขโมยรังนกทุกราย
ชาวพัทลุงชื่นชมการทำงานของตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนคดีขบวนการขโมยรังนกอีแอ่น จ.พัทลุง ที่มี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส.) และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. เข้ามาคุมคดีและร่วมสืบสวนสอบสวนด้วยตนเอง โดยมี พล.ต.ต. ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ผู้บังคับการกองอุทธรณ์ (อธ.) เป็นหัวหน้าชุดสอบสวน นำชุดสอบสวนจาก สตช. ทำงาน ร่วมกับชุดสอบสวน ภ.จว.พัทลุง จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 17 ราย จับกุมผู้ต้องหาเป็นชาวพัทลุง 12 ราย จ.ชุมพร 4 ราย และ จ.สงขลา 1 ราย จกุมได้ 16 คน เหลือผู้ต้องหาชาว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ยังหลบหนีไม่มามอบตัว ตามข่าวที่เสนอจ่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าในการสอบปากคำผู้ต้องหา ผู้สื่อข่าวรายงานมาวันที่ 21 ต.ค.2564 ว่า พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. ได้สอบปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาได้เปิดปากรับสารภาพว่า มี จนท.รัฐ เปิดทางให้ พวกตนจะได้รับส่วนแบ่งจากการขายรังนกในตลาดมืดในอัตราร้อยละ 30 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 70 เป็นส่วนของ จนท.รัฐที่เฝ้ารังนก และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมขบวนการทั้งหลาย ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง ผู้ต้องหาเผยอีกว่าพวกตนเป็นชุดแทงรังนกนั้นเข้าไปขโมยรังนกในเกาะ จำนวน 3 ครั้งๆ 5-6 วัน ส่วนการก่อไฟในถ้ำนั้นเป็นการก่อไฟเพื่อต้มน้ำร้อนชงกาแฟดื่ม ต้มบะหมี่ สำหรับการหุงข้าวจะใช้แก๊สกระป๋อง หากแก๊สหมดจึงจะก่อกองไฟใช้ไม้ฟื้นแทน พวกตนมีอาชีพรับจ้างแทงรังนก รู้ว่าการก่อไฟในถ้ำรังนกเป็นอันตรายแก่ประชากรนก แต่เมื่อไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นต้องทำ พร้อมกันนี้ได้บอกกับ พลต.ท. สุรเชษฐว่า เมื่อมีการจับแล้วขอให้จับกันให้หมด อย่ามาจับเพียงพวกตนที่เป็นพวกปลายแถว ซึ่ง พล.ต.ท. สุรเชษฐ ยืนยันว่าจะจับผู้กระทำผิดทุกๆราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้าน ภายหลังจากที่ชุดสอบสวนของ สตช. และ ภ.จว.พัทลุง ได้สอบปาก คำ จนท.ทุกฝ่ายที่ลงปฏิบัติหน้าที่เฝ้ารังนก จนนำไปสู่การออกหมายจับกุมผู้ต้องหาถึง 17 รายแล้ว ช่วงวะนที่ 20-21 ต.ค. ได้เรียกหัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้องที่ผู้ใต้บังคับบัญชาลงปฏิบัติหน้าที่เฝ้ารังนก มาให้ปากคำรวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการรังนกฯ เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ได้แสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ในการป้องปรามการขโมยรังนก ที่มีการบันทึกไว้ในวาระการประชุมคณะกรรมการรังนกฯทั้ง 14 ครั้ง ได้แก่ นายปรีดี มนตรี,นายศักดิ์ชัย ไกรแก้ว,นายสนั่น วิทยาประเสริฐ และนายเกษมศักดิ์ เส้งสุ้น รวมทั้งนายพลรัช รองเลื่อน อดีตปลัดจังหวัดพัทลุง อดีตเลขานุการคณะกรรมการังนกฯ และนายภูดิศ ชณะวรรณโณ นอภ.ปากพะยูน ได้เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนแล้วเช่นกัน
ทางด้าน พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ผู้บังคับการกองอุทธรณ์ (อธ.) หัวหน้าชุดสอบสวนคดีนี้ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนทั้งของ สตช.และ ภ.จว.พัทลุง ช่วงบ่ายวันที่ 21 ต.ค.เพื่อเร่งคลี่คลายคดีดังกล่าว หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ระดมพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้ต้องหาที่จับกุมตัวได้ทั้ง 10 คน ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง จนเกือบรุ่งสาง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ในการขออนุมัติศาลออกหมายจับกลุ่มผู้ร่วมขบวนการกลุ่มอื่นๆต่อไป
ขณะที่นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรค ปชป. ผู้ที่นำคดีรังนกไปแฉในรัฐสภาจนฉาวโฉ่ไปทั่วประเทศ เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ที่เดินทางมาตรวจสอบเกาะรังนก ที่ห้องประชุม อบจ.พัทลุง เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ตนได้ขอให้คณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวได้แจ้งให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรฯ แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงในคดีรังนก และให้กรรมาธิการฯแจ้งให้ ปปง.มาตรวจสอบเส้นทางการเงินของ จนท.รัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีขโมยรังนกทุกราย รวมทั้งให้ สตช.เร่งรัดการคลี่คลายคดีรังนก และให้จังหวัดพัทลุงระดมความคิดเห็นทุกๆฝ่ายในการแก้ไข ปรับปรุง พ.ร.บ.รังนก พ.ศ. 2540 ส่วนการก่อไฟในถ้ำรังนกไม่ว่าจะเป็นการกระทำการใดๆนั้น เปลวไฟ และควันไฟ ได้ส่งผลต่อประชากรรังนกอย่างรุนแรง จะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับไฟและเปลวควัน เรื่องดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้นในถ้ำรังนกโดยเด็ดขาด
ทีมข่าวไทยแหลมทองซึ่งทำงานร่วมกับทีมข่าวเฉพาะกิจหนังสือพิมพ์ส่วนกลาง รายงานว่า พล.ต.อ. สุชาติ และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้กำชับทีมสืบสวนสอบสวนให้เร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดในระดับแถว 1 ก่อน เป็นระดับปฏิบัติการเข้าไปขโมยซึ่งมีจำนวนมากหลังจากนั้นจึงจะดำเนินการจับกุม ระดับแถว 2 ผู้สั่งการ และแถว 3 ผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก ขณะที่ชาวพัทลุงต่างวิพากษ์วิจารณ์กันว่าข้าราชการเจ้าของคลิปเสียงจะถูกจับอยู่ในกลุ่มไหน รวมทั้งหลังบ้านข้าราชการที่รับผลประโยชน์ นักการเมืองและอดีต สจ.ในภาคใต้ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังจะสาวถึงหรือไม่ ซึ่งข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.