เริ่มเก็บรังนกบนเกาะพัทลุง ได้แต่ขยะกองใหญ่ที่กลุ่มขโมยทิ้งไว้-จี้เร่งสืบจับถึงตัวการใหญ่
หมวดหมู่ : เศรษฐกิจ, พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 12 ก.ย. 2564, 16:30 น. อ่าน : 1,300พัทลุง-บริษัทรับสัมปทานรังนกอีแอ่นพัทลุง ส่งพนักงานขึ้นเกาะเก็บรังนกฯ ปรากฏว่าพบขยะและอุปกรณ์ที่ใช้ในการขโมยรังนกเกลื่อนถ้ำ เก็บได้ขยะแทนรังนกเป็นส่วนใหญ่ ด้านทนายความบริษัทรังนกฯวอนทางจังหวัดฯเร่งกอบกู้ศักดิ์ศรีโดยการขยายผลการจับกุมไปสู่กลุ่มคนร้าย ผู้อยู่เบื้องหลัง และตลาดมืด
จากกรณีที่นายพลรัช รองเลื่อน ปลัดจังหวัดพัทลุง เดินทางมาเป็นประธานในการส่งมอบเกาะรังนกเกาะสี่เกาะห้า จ.พัทลุง ให้กับบริษัทสยามเนสท์ 2022 จำกัด ซึ่งประมูลสัมปทานรังนกอีแอ่น จ.พัทลุง ได้ในวงเงิน 400 บ้าน เมื่อบ่ายวันที่ 9 ก.ย.2564 และก่อนจะมีการรับมอบทางบริษัทฯได้นำสื่อมวลชน ผู้ทรงคุณวุฒิ และนายพลรัชฯ พร้อมคณะ ลงสำรวจถ้ำรังนก 7 ถ้ำ พบว่ารังนกถูกขโมยจนเกลี้ยงยกเว้นถ้ำคอม้าที่มีรังนกเหลือเพียง 3 รัง ทางบริษัทฯจึงไม่สามารถรับมอบเกาะได้ ทางคณะกรรมการรังนกฯและทางบริษัทฯจึงต้องทำสัญญาแนบท้ายเกี่ยวกับความเสียหายดังกล่าวไว้ ในการรับมอบเกาะรังนกตามข่าวที่เสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้นนั้น
ทีมข่าวไทยแหลมทอง ซึ่งลงพื้นที่พร้อมกับทีมข่าวเฉพาะกิจของหนังสือพิมพ์จากส่วนกลางรายงานความคืบหน้าว่า หลังจากรับมอบเกาะรังนกแล้วทางบริษัทสยามเนสท์ฯ ได้ส่งพนักงานลงพื้นที่เกาะเพื่อสำรวจ ทำความสะอาดและเก็บรังนกวันแรกเมื่อตอนบ่ายวันที่ 11 ก.ย.2564 ที่ผ่านมา โดยคณะทำงานของคณะกรรมการรังนกฯ เข้าร่วมด้วย ซึ่งนับเป็นการจัดเก็บรังนกฯ ครั้งที่ 3 ของปี 2564 ปรากฏว่าการเข้าเก็บรังนกทั้งหมด 10 ถ้ำ ในถ้ำเต็มไปด้วยเศษขยะ ขวดน้ำ กระป๋องปลากระป๋อง ปลาเค็มเชือก ไม้ไผ่และอุปกรณ์ในการขโมยรังนก ซึ่งคาดว่ากลุ่มคนร้ายมีประมาณ 20-30 คน ใช้เวลาขโมยประมาณ 10-15 วัน แต่น่าสงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องที่เฝ้าเกาะจึงไม่ทราบเรื่องเลย ทั้งที่รังนกมีจำนวนมากต้องใช้เวลาขโมยหลายวัน
ส่วนการเก็บรังนกครั้งที่ 3 นี้ สามารถเก็บรังนกขาวได้เพียง 0.86 กิโลกรัม และเก็บรังนกดำได้ 15 กิโลกรัมเท่านั้น และหากเปรียบเทียบการจัดเก็บรังนกในถ้ำเหล่านี้ครั้งที่ 3 ช่วงปลายเดือน ส.ค.2563 – ต้นเดือน ก.ย.2563 นั้น วันแรกของการจัดเก็บของครั้งที่ 3 ในปี 2563 นั้น บริษัทฯสามารถจัดเก็บรังนกขาวได้ 158.72 กิโลกรัม และจัดเก็บรังนกดำได้ 247.38 กิโลกรัม จึงคาดได้ว่ารังนกที่ถูกขโมยไปในครั้งนี้มีมูลค่ามากมาย
พนักงานบริษัทสยามเนสท์ฯ เปิดเผยว่าการจัดเก็บรังนกฯนั้น ใน 1 ปี จะเก็บได้ 3 ครั้ง ในปีนี้ก่อนครบสัญญาสัมปทาน บริษัทฯจัดเก็บรังนกเพียงครั้งที่ 1 และได้สละสิทธิ์การเก็บครั้งที่ 2 เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงวางไข่และลูกนกกำลังเจริญเติบโต อีกทั้งเป็นการเพิ่มประชากรนกด้วย และการจัดเก็บครั้งที่ 3 นั้น จะเป็นสิทธิของผู้รับสัมปทานใหม่ แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีกลุ่มคนร้ายกล้าขโมยรังนกไปจนหมดเกลี้ยงถ้ำ นอกจากกลุ่มคนร้ายจะได้รังนกฯออกไปขายให้กับตลาดมืดในมูลค่ามากมายแล้ว ยังเป็นการทำลายลูกนกวัยอ่อนของประชากรนกอย่างย่อยยับ เนื่องจากช่วงดังกล่าวนี้เป็นช่วงที่ลูกนกกำลังจะบินออกจากรัง เชื่อมั่นว่าหากเข้าไปขโมยเก็บรังนกในช่วงดังกล่าวประชากรนกวัยอ่อนจะเสียชีวิตลงเป็นจำนวนมาก
ด้านนายพิพัฒร อมรวัตพงศ์ ทนายความของบริษัทสยามเนสต์ ฯ กล่าวว่า จากการที่ตนได้เข้าร่วมการตรวจสอบรังนกฯในถ้ำทั้ง 7 ถ้ำในวันส่งมอบเกาะรังนกนั้น ได้พบเชือก อุปกรณ์การเก็บรังนก ขวดสุราเบียร์ เครื่องดื่มชูกำลัง ฯลฯ ทั้งในถ้ำและนอกถ้ำ ส่วนรังนกถูกขโมยจนเกลี้ยงถ้ำนั้น เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ จนท.รัฐ และผู้เกี่ยวข้องของ จ.พัทลุง ที่ไร้ประสิทธิ์ภาพ ขาดประสิทธิผล ในการป้องปรามการขโมยรังนกในครั้งนี้ ตนจึงขอเรียกร้องไปยังนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง ในฐานะประธานคณะกรรมการรังนกฯพัทลุง และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้เร่งกู้ภาพลักษณ์ของ จนท.รัฐของ จ.พัทลุง โดยการขยายผลการจับกุม 1 ครั้ง และการล่อซื้อรังนก 1 ครั้ง ไปยังกลุ่มคนร้าย ขบวนการขโมยรังนก และตลาดมืด เพื่อป้องปรามมิให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นอีกครั้ง
พร้อมกันนี้นายพิพัฒร เปิดเผยด้วยว่า กรณีที่ทางคณะกรรมการรังนกฯใช้กำลังตำรวจ ฝ่ายปกครอง จนท.ป่าไม้ และ จนท.อบจ.พัทลุง เฝ้าระวังการขโมยรังนกทั้งในถ้ำวันละ 67 คน และบริเวณรอบนอกวันละ 28 คน เสียค่าใช้จ่ายประมาณวันละ 5 หมื่นบาท รวมค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่า 4.5 ล้านบาท แต่รังนกถูกขโมยนั้น มันคุ้มค่าของค่าใช้จ่ายเงินรัฐหรือไม่ ชาวพัทลุงและชาวต่างจังหวัดเขาจะมองเรื่องนี้กันว่าอย่างไรบ้าง
ทางด้านผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการรังนกฯ รายหนึ่งเปิดเผยว่า การลักรังนกฯในเกาะรังนกฯมีมาอย่างต่อเนื่อง มีการส่งออกไปจำหน่ายทางไปรษณีย์ ทางบริษัทรับส่งสินค้าทั้งในและต่างจังหวัด ซึ่งพวกตนได้นำเรื่องดังกล่าวมาแจ้งให้คณะกรรมการรังนกฯทราบเป็นระยะๆ แต่ปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด บางครั้งพวกตนถูกตำหนิในคณะกรรมการรังนกฯและ จนท.รัฐว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องไม่จริง จนในที่สุดคณะกรรมการรังนกหน้าแตกไปตามๆกัน หลังจากที่พบว่ารังนกถูกขโมยไปจนเกือบหมดถ้ำ ตนจึงขอให้คณะกรรมการรังนกฯได้ร่วมกันแก้ปัญหาการขโมยรังนกฯในช่วงที่ว่างเว้นการสัมปทานฯอย่างเป็นรูปธรรมด้วย เนื่องจากการขโมยรังนกฯก่อนการจัดเก็บในรอบที่ 3 นั้น เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่ทรงคุณค่าของจังหวัดพัทลุงและของประเทศไทย ทำให้ได้รับความเสียหายอย่างยับเยิน และจะต้องใช้เวลานานพอสมควรที่จะเรียกคืนสภาพแวดล้อมโดยทั่วไปให้กลับคืนมาสู่สภาพปกติ
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าว ได้ออกสอบถามความเห็นของชาวพัทลุงเกี่ยวกับการขโมยรังนกฯครั้งมโหฬาร แต่เจ้าหน้าที่มองไม่เห็น จนกลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของผู้รับผิดชอบฝ่ายจังหวัดอย่างกว้างขวาง ชาวพัทลุงส่วนใหญ่ฝากเรียกร้องผ่านสื่อมวลชนไปยัง ผวจ.พัทลุงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรจะต้องตั้งกรรมการสืบสวนเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าเกาะทุกคน ใครบกพร่องก็ต้องลงโทษ รวมทั้งสั่งการให้ตำรวจสืบสวนจับกุมขบวนการขโมยรังนกให้ได้จนถึงที่สุด เพราะเป็นการเย้ยกฎหมายบ้านเมือง และทำให้ชาวพัทลุงขายหน้าที่มีเรื่องแบบนี้ขึ้น ซึ่งข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.