อาหารแปรรูป-อาหารแช่แข็ง ตอบโจทย์วิถีคนยุคใหม่ “สะดวก สะอาด ปลอดภัย คงคุณค่าอาหาร”
หมวดหมู่ : ทั่วไป, กรุงเทพฯ,
โฟสเมื่อ : 23 ส.ค. 2565, 17:50 น. อ่าน : 1,730 กรุงเทพฯ -
นักวิชาการ ย้ำชัด อาหารแปรรูป และอาหารแช่แข็ง
เป็นกระบวนการถนอมอาหารที่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้นานขึ้น แต่ยังคงรักษาสภาพ สี
กลิ่น รส และคุณค่าทางสารอาหารไว้ได้อย่างครบถ้วน ใกล้เคียงกับอาหารสดมากที่สุด
แนะเลือกซื้อแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้
ผศ.ดร.รชา เทพษร
อาจารย์สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ความปกติใหม่ (New Normal) จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19
เป็นปัจจัยที่เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้คนในสังคมไทย หลายคนเริ่มหันมาให้ความสำคัญเรื่องของการบริโภคอาหารสะอาด
ปรุงสุก ปลอดภัย จากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้
ตัวเลือกที่เหมาะสมในสถานการณ์เช่นนี้คืออาหารที่สะดวก รวดเร็ว
หรืออาหารแปรรูปและอาหารแช่แข็ง ซึ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น
เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
“อาหารแปรรูป
และอาหารแช่แข็ง หรือ Freezing เป็นเทคโนโลยีการแปรรูปที่นำมาใช้อย่างแพร่หลายเพื่อยืดอายุการเก็บอาหารอีกรูปแบบหนึ่ง
ด้วยการลดอุณหภูมิของอาหารสด หรืออาหารที่ปรุงสุก
ซึ่งเป็นกระบวนการถนอมอาหารอย่างหนึ่ง ที่ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์
ลดการเจริญของจุลินทรีย์ ทำให้อายุการเก็บรักษานานขึ้น โดยยังคงรักษาสภาพ สี กลิ่น
รส และคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้ใกล้เคียงกับอาหารสดมากที่สุด” ผศ.ดร.รชา กล่าว
ปัจจุบัน
การเก็บรักษาอาหารแช่แข็งส่วนใหญ่ จะให้เก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำกว่า -18
องศาเซลเซียส ในระยะเวลา 6 เดือน ถึง 2 ปี
ด้วยความเย็นระดับนี้จะไม่มีจุลินทรีย์กลุ่มที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ
และกลุ่มที่เป็นสาเหตุให้อาหารเสื่อมเสียชนิดใดสามารถเจริญเพิ่มจำนวนได้
โดยเฉพาะจุลินทรีย์ชนิด Psychrophile Organism ที่สามารถเจริญได้ในอุณหภูมิต่ำถึง
-5 องศาเซลเซียส ทำให้การแช่เย็นทั่วไปป้องกันไม่ได้ เพราะอุณหภูมิจะอยู่ที่เพียง
0-5 องศาเซลเซียส
“คุณค่าทางอาหารของผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งที่ดีนั้น
ขึ้นอยู่กับการควบคุมกระบวนการแช่แข็ง ความระมัดระวังในขั้นตอนการเตรียม เก็บรักษา
การขนส่ง ตลอดจนการวางจำหน่ายสินค้าจนกว่าถึงมือผู้บริโภค ดังนั้น
ผู้ผลิตและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องมีความรู้และเข้าใจในกระบวนการแช่แข็งอย่างถูกต้อง
และผู้บริโภคควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปและอาหารแช่แข็งจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ
มีฉลากอาหารที่ชัดเจน และบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง”
ผศ.ดร.รชา กล่าว
สำหรับหลักการของการแช่แข็งอาหารคือ ลดอุณหภูมิของอาหารหรือการเก็บอาหารในอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง (ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส) เปลี่ยนน้ำในอาหารให้เป็นผลึกน้ำแข็ง เมื่อน้ำกลายเป็นน้ำแข็งคุณสมบัติต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้การแช่แข็งและการละลาย (Thawing) ของอาหารมีลักษณะที่ต่างกัน การลดอุณหภูมิของอาหารลงเพื่อแช่แข็งนั้น จะสัมพันธ์กับการเปลี่ยนสถานะของน้ำเป็นน้ำแข็ง ส่วนขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการแช่แข็งคือ ละลายผลึกน้ำแข็งให้อาหารกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้วจึงนำไปปรุงอาหารเพื่อบริโภค โดยหลักการแล้วการละลายที่รวดเร็ว (Quick Thawing) ย่อมทำให้อาหารที่คืนตัวมีคุณภาพดีกว่าการละลายแบบใช้เวลานาน (Slow Thawing) เพราะหากใช้เวลานานจะก่อให้เกิดการสูญเสียน้ำจากอาหาร ซึ่งมักจะเป็นผลเสียต่อสี รสชาติ คุณค่าทางอาหาร และเนื้อสัมผัสของอาหาร อย่างไรก็ตาม
ผศ.ดร.รชา แนะนำว่า
การเลือกวิธีทำละลายที่เหมาะสมเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อลักษณะคุณภาพของอาหารแช่แข็ง
ซึ่งการทำละลายมีหลายวิธีด้วยกัน เช่น
การละลายในตู้เย็นแม้จะเป็นการทำละลายที่ใช้เวลานาน แต่เหมาะกับอาหารทะเลแช่แข็ง
หรือเนื้อสัตว์แช่แข็งที่บรรจุอยู่ในภาชนะบรรจุ
โดยการนำอาหารออกจากช่องแช่แข็งมาไว้ในช่องแช่เย็นล่วงหน้า 1 คืน
เทคนิคนี้จะทำให้ไม่เสียรสชาติ และรสสัมผัสที่ดีของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้
ยังมีการละลายในไมโครเวฟซึ่งเป็นวิธีที่เร็ว
และก่อให้เกิดการเปลี่ยนสถานะของผลึกน้ำแข็งอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากไมโครเวฟจะให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแพร่เข้าสู่อาหาร
โมเลกุลน้ำในอาหารจะเคลื่อนที่ตามระดับความถี่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เกิดการชนกันอย่างไร้ทิศทางก่อให้เกิดพลังงาน และพัฒนาเป็นความร้อน
แต่การใช้ไมโครเวฟอาจทำให้เกิดความไม่สม่ำเสมอของเนื้ออาหารภายใน ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพอาหารได้
ดังนั้น จึงควรศึกษาวิธีการใช้เครื่องไมโครเวฟอย่างถูกต้อง.
ผศ.ดร.รชา เทพษร อาจารย์สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์