เอกชนค้านห้ามซื้อวัคซีน นายก อบจ.ขอภูเก็ตก่อน
หมวดหมู่ : การเมือง, ภูเก็ต, ทั่วไป, ภาคใต้,
โฟสเมื่อ : 16 ก.พ. 2564, 15:21 น. อ่าน : 3,636 การเคลื่อนไหวของภาคเอกชนจังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต และ นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม
นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เป็นตัวแทน 14
องค์กรภาคเอกชนจังหวัดภูเก็ต ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี ผ่านทาง นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผวจ.ภูเก็ต ที่หน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2564 ขอคัดค้านคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินที่
ระบุว่าไม่สามารถให้ภาคเอกชนซื้อวัคซีนไวรัสโควิด-19 ได้โดยตรง
พร้อมกันนี้ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน
ร้องเรียนคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะผู้ตรวจการแผ่นดิน
กรณีที่มีการวินิจฉัยว่าไม่สามารถให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนซื้อวัคซีนโควิด-19
ได้โดยตรง เพื่อขอให้ทบทวนคำวินิจฉัยดังกล่าวพร้อมขอให้พิจารณาและมีคำสั่งให้ภาคเอกชนและท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ตมีสิทธิ์ในการจัดซื้อวัคซีนที่ได้รับอนุญาตจาก
อ.ย. โดยตรงจากผู้ผลิตวัคซีน เพื่อการท่องเที่ยวจะได้กลับมาทันภายในปี 2564
ตามยุทธศาสตร์เปิดรับ นทท. Phuket
First October และยังจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภูเก็ตด้วย
สำหรับ
14 องค์กรภาคเอกชนจังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย หอการค้าจังหวัดภูเก็ต, สภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต,
สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต, สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้,
สมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต, สมาคมโรงแรมป่าตอง,
สมาคมโรงแรมหาดกะตะกะรน, บริษัท
ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด, สมาคมที่พักบูติคภูเก็ต, สมาคมสปาเพื่อสุขภาพภูเก็ต, สมาคมมัคคุเทศก์อันดามัน,
สมาคมการศึกษาเอกชนจังหวัดภูเก็ต
และสมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวภูเก็ต
ทางด้าน
นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต
กล่าวภายหลังเดินทางไปยื่นหนังสือถึง รมว.สาธารณสุข รวมทั้ง รมช.สาธารณสุข
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ และ นพ.โสภณ เมฆธน ประธานอนุกรรมการการบริหารจัดการ
การให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อขอโอกาสสำหรับเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างจังหวัดภูเก็ตให้คนในภูเก็ตได้รับการฉีดวัคซีนในกลุ่มที่
3 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนภูเก็ต นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ
ในการที่จะเดินทางเข้ามา
ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูเก็ตและของประเทศสามารถเดินต่อไปได้
“เราเข้าใจดีว่าการสั่งวัคซีนเข้ามานั้นมีข้อจำกัดและจะต้องฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงคือ
หมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย และกลุ่มเสี่ยงสีแดง คือ
จังหวัดสมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร
แต่หลังจากนั้นก็จะมีการกระจายไปยังประชาชนทั่วไปซึ่งกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มที่ 3
ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนแต่ในระยะแรกก็ยังไม่ได้รับครอบคลุมทั้ง 100%
จึงมองว่าในส่วนของเมืองเศรษฐกิจ เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ
ควรจะได้รับการจัดสรรวัคซีนเข้ามาให้มากกว่าจังหวัดอื่นๆ
โดยเฉพาะในส่วนของภูเก็ตซึ่งถือว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญควรจะได้ประมาณ 70%
เพราะเป็นเมืองที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย
ถ้าทำได้ก็จะเป็นการสร้างทางรอดด้านเศรษฐกิจ และเป็นการช่วยเหลือคนในภูเก็ตเองด้วย”
นายเรวัต กล่าว
ส่วนที่ขอเป็นตัวเลข
70% นายเรวัตกล่าวว่า จริงๆ แล้วก็อยากได้ 100% แต่ความเป็นไปได้ยังยากอยู่
จากการสอบถามไปยังผู้เชี่ยวชาญทราบว่าถ้าฉีดได้ประมาณ 60%
จะทำให้ความเสี่ยงในการติดเชื้อลดลงมาก แต่ในอนาคตจะต้องฉีดให้ครบ 100%
อย่างแน่นอน ถ้าทำได้จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนภูเก็ตเอง
รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา
สิ่งที่ตามมาคือเรื่องของการเคลื่อนไหวในเรื่องของเศรษฐกิจ
รายได้ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ ประชาชนมีรายได้
ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าคนเดือดร้อนเป็นอย่างมาก คนในพื้นที่เองก็ไม่มีกำลังจ่าย
แต่ถ้านักท่องเที่ยวมั่นใจและเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวภูเก็ตซึ่งเป็นเมืองที่สร้างรายได้ให้กับประเทศมหาศาลก็จะพบกับทางรอดและกลับมาเดินได้อย่างมั่นคงต่อไป
นายเรวัต ยังกล่าวถึงกรณีที่ทางผู้ตรวจการแผ่นดินออกหนังสือกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะจัดซื้อวัคซีนเองเพื่อฉีดให้กับคนในพื้นที่ ไม่สามารถทำได้ เรื่องนี้โดยส่วนตัวตนเข้าใจในเจตนารมณ์ดังกล่าวที่มีความเป็นห่วงเรื่องของคุณภาพของวัคซีน และเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณว่าจะทำได้หรือไม่เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ แต่อย่างไรก็ตามถ้ามองในเรื่องของความจำเป็น และเรื่องของการประหยัดงบประมาณที่ทางรัฐบาลต้องใช้ในการจัดซื้อวัคซีน และนำเสนอเหตุผลความจำเป็นเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อให้ทบทวนเรื่องดังกล่าวคิดว่าน่าจะได้รับการทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง.
นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต