“ภูเก็ต”เปิดเมืองวันแรก คนเข้า-ออกคึกคัก แต่ยังเข้มงวดคัดกรองโควิด-19
หมวดหมู่ : ภูเก็ต,
โฟสเมื่อ : 1 มิ.ย. 2563, 19:58 น. อ่าน : 2,429เปิดเมืองวันแรก คนเข้า-ออกจังหวัดภูเก็ตคึกคัก แต่เจ้าหน้าที่ยังวางมาตรการเข้ม ตรวจคัดกรองที่ด่านท่าฉัตรไชย พร้อมให้โหลดแอปพลิเคช่ัน “หมอชนะ” เพื่อติดตามตัวผู้เสี่ยงการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
จังหวัดภูเก็ตมีประชาชนทยอยเดินทางเข้าออกด่านท่าฉัตรไชย ภายหลังมีคำสั่งผ่อนคลาย เปิดจังหวัด วันที่ 1 มิ.ย. 2563 บรรยากาศที่ด่านท่าฉัตรไชย ต.ไม้ ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หลังจากมีการเปิดด่านเข้าออกวันแรก พบว่ามีประชาชนทยอยเดินทางทางเข้าออกตั้งแต่ช่วงเช้า โดยขณะนี้ผู้ที่เดินทางออกจางจังหวัดสามารถเดินทางออกได้เลย ส่วนผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตต้องมีการตรวจคัดกรองก่อนเข้าพื้นที่ พร้อมให้มีการโหลดแอปพลิเคชั่น "หมอชนะ" เพื่อง่ายต่อการติดตามตัวหากพบผู้มีความเสี่ยงกับการติดเชื้อโควิด
ส่วนคำสั่งจังหวัดภูเก็ตที่ 3018 /2563 เรื่อง ผ่อนคลายการบังคับการปิดสถานที่และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตรายในท้องที่จังหวัดภูเก็ต ภายใต้ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 5 ฉบับที่ 6 ฉบับที่ 7 และฉบับที่ 9)สาระสำคัญดังนี้
มาตรการผ่อนคลายการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงานที่หน่วยงานรับผิดชอบกำหนด
1. ผ่อนคลายมาตรการช่องทางบกด่านตรวจจังหวัดภูเก็ต (ท่าฉัตรไชย) โดยประชาชนผู้เดินทางซึ่งรวมถึงผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค การจัดระบบและระเบียบต่าง ๆ ที่ทางราชการกำหนด อาทิเช่น มาตรฐานการปฏิบัติงาน Phuket Smart Checkpoint กำหนดโดยตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต หรือมาตรฐานการปฏิบัติงานรถโดยสารสาธารณะกำหนดโดยสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น ทั้งนี้ หากพบว่าผู้เดินทางมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรค หรือเป็นพาหะนำโรค พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการสั่งแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกต ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้
2. ผ่อนคลายมาตรการช่องทางน้ำระหว่างจังหวัด ประชาชนผู้เดินทางซึ่งรวมถึงผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค การจัดระบบและระเบียบต่าง ๆ ที่ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต กำหนด ทั้งนี้ หากพบว่าผู้เดินทางมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรค หรือเป็นพาหะนำโรค พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการสั่งแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกต ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้
3. คงมาตรการปิดช่องทางเข้า-ออก ทางน้ำระหว่างประเทศ โดยห้ามเรือทุกชนิดและบุคคล เข้า – ออก ยกเว้นเรือบรรทุกสินค้า ขนส่งสินค้าตามความจำเป็น เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้กลับออกไปโดยเร็วโดยไม่อนุญาตให้ลูกเรือ และ/หรือ คนประจำเรือลงจากเรือโดยเด็ดขาด เว้นแต่ บุคคลซึ่งได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผัน ดังต่อไปนี้
3.1 เป็นกรณีหรือผู้มีเหตุยกเว้น ตามที่นายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกำหนด หรืออนุญาตตามความจำเป็น โดยอาจกำหนดเงื่อนไข หรือเงื่อนเวลาก็ได้
3.2 เป็นบุคคลในคณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาล ที่มาปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต หรือหน่วยงานของประเทศอื่น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอนุญาตตามความจำเป็น ตลอดจนบุคคลในครอบครัวบุคคลดังกล่าว โดยติดต่อกระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องบุคคลซึ่งได้รับการยกเว้น หรือผ่อนผัน ตามข้อ 3.1 – 3.2 ต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง ซึ่งได้รับการตรวจรับรอง หรือ ออกให้ในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง และเมื่อเข้าในพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ตแล้ว ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนดโดยเคร่งครัด และเจ้าหน้าที่ประจำด่านมีอำนาจปฏิเสธไม่ให้ผู้ไม่มีสัญชาติไทยที่ตรวจพบ หรือต้องสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ยินยอมให้ตรวจเดินทางเข้าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้
ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ อาจเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และอาจเป็นความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจได้รับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น