ดต.ผู้ต้องหารายที่ 27 คดีทุจริตเงินสหกรณ์ ตร. มอบตัวแล้ว
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 29 ส.ค. 2565, 20:00 น. อ่าน : 1,020พัทลุง-มอบตัวแล้วผู้ต้องหารายที่ 27 คดีทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด เป็น ดาบตำรวจ ปฏิเสธข้อกล่าวหาทำตามหน้าที่ไม่ได้ร่วมทุจริต ส่วนการประชุมวิสามัญรับรองงบการเงินจะจัดประชุมในวันที่ 24 กันยายน 2565
การทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด วงเงินกว่า 1,500 ล้านบาท ที่นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาชุดแรก 25 ราย และเรียกผู้ต้องหาชุดที่สองมารับทราบข้อกล่าวอีก 2 ราย โดยมารับทราบแล้ว 1 ราย เป็นตำรวจยศร้อยตำรวจโท ส่วนการยึดทรัพย์ของตำรวจและ ปปง.ในพื้นที่ 9 จังหวัด 74 เป้าหมาย สามารถยึดทรัพย์สินได้เป็นมูลค่ารวมกัน 694,441,500 บาท ส่วนการเปิดเซฟผู้ต้องหารายสำคัญพบเพียงพระบูชา จตุคามรามเทพ และเครื่องมือ อุปกรณ์ในการทำทองรูปพรรณเท่านั้น โดยไม่พบทรัพย์สินของมีค่า และเอกสารการครอบครองที่ดินและเงินสดฯลฯ แต่อย่างใด ในขณะที่ตำรวจและ ปปง.ร่วมกันสืบทรัพย์นำไปสู่การอายัดทรัพย์และการยึดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหาแถวที่ 3 -5 ตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อตอนสายวันนี้(29 สิงหาคม 2565) ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง พนักงานสอบสวนตามคำสั่งของ สตช.ได้เรียกตัวผู้ต้องสงสัยในคดีการทุจริตเงินสหกรณ์ฯมาสอบปากคำจำนวนหนึ่ง โดยขอร้องมิให้สื่อมวลชนเข้าไปในห้องดังกล่าว ในส่วนของ ดต.สุทัศน์ เอ่าซุ่น อายุ 47 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่(ป) สภ.ควนขนุน ผู้ต้องหารายที่ 27 ซึ่งเป็นคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯ ได้เข้ามามอบตัวเมื่อตอนเย็นวันที่ 26 สิงหาคม 2565 เพื่อมิให้ใครรู้เห็น เบื้องต้นเจ้าตัวได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และยืนยันว่าตนเองได้ปฏิบัติหน้าที่ตามขอบข่ายหน้าที่ของคณะกรรมการฯ โดยไม่มีส่วนรู้เห็นและไม่ได้ทุจริตเงินสหกรณ์ฯแต่อย่างใด
ทางด้าน พ.ต.ท.ประเสริฐ ไชยเดช รองประธานคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯ เผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการฯได้ร่วมกันกำหนดการจัดการประชุมวิสามัญ ประจำปี 2565 ครั้งที่ 1 ในวันที่ 24 กันยายน 2565 ทั้งนี้ เพื่อพิจารณางบการเงินของสหกรณ์ฯ และนำไปสู่การจัดทำแผนฟื้นฟูของสหกรณ์ฯต่อไป รวมทั้งการรับรองผลการเลือกตั้งประธานคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯคนใหม่ด้วย มั่นใจว่าในการประชุมวิสามัญในครั้งนี้สมาชิกน่าจะเห็นชอบงบการเงินของสหกรณ์ฯ
“เมื่อในที่ประชุมเห็นชอบแล้วทางนายทะเบียนสหกรณ์ฯ ก็จะแจ้งเรื่องการเห็นชอบงบการเงินไปยังสถาบันการเงิน เพื่อนำไปสู่การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินต่างๆมาขับเคลื่อนการดำเนินงานสหกรณ์ต่อไป และเมื่อสินปีสหกรณ์ฯก็สามารถที่จำนำผลกำไรมาปันผลให้กับสมาชิกได้ แต่หากสมาชิกไม่รับรองงบการเงินก็จะไม่สามารถเข้าสู่แผนฟื้นฟูได้ และไม่สามารถนำเงินกำไรมาปันผลได้เช่นกัน” พ.ต.ท.ประเสริฐกล่าว ซึ่งข่าวคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป.