ตร.เร่งขยายผลจับผู้ต้องหาชุดที่ 2 และสืบทรัพย์ คดีทุจริตสหกรณ์ ตร.พัทลุง
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 23 มิ.ย. 2565, 11:19 น. อ่าน : 805พัทลุง-ตำรวจชุดสอบสวน และสืบทรัพย์ สตช. ลงพื้นที่พัทลุง เพื่อเร่งสืบสวนสอบสวนการยึดทรัพย์ผู้ต้องหาคดีทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง และขยายผลการจับกุมผู้เกี่ยวข้องชุดที่ 2 ขณะที่อดีตกรรมการสหกรณ์ฯที่มอบตัวแล้วเดินหน้าดับเครื่องชนเปิดโปงข้อมูลเชิงลึกให้ตำรวจจับกุมผู้อยู่เบื้องหลัง
จากคดีทุจริตครั้งมโหฬารทำเป็นขบวนการ ในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด วงเงินไม่น้อยกว่า1,450 ล้านบาท จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาชุดแรก 24 ราย โดยทุกรายได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขณะที่พล.ต.ท.สุรเชษฐ หักพาล ผช.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิระพันธ์ ผบก.อธ. ฉายา”ผู้การรังนก”เข้าพบเลขาธิการ ปปง. พร้อมเรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ด้านผู้ต้องหารายหนึ่งเตรียมจัดเลี้ยงน้ำชาหาเงินจ้างทนายต่อสู้คดี ส่วนข้อมูลจากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดฯระบุว่าในขณะนี้เงินทุนสหกรณ์ฯไม่มีแล้ว มีเพียงเงินกู้จากสถาบันการเงินที่กู้มาให้เกิดสภาพคล่องในสหกรณ์ฯ จึงต้องยึดทรัพย์จากกลุ่มผู้ทุจริตกลับมาประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อนำมาเสริมสภาพคล่องให้แก่สหกรณ์ฯ ตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าคดีนี้ ทีมข่าวไทยแหลมทองที่ทำงานร่วมกับทีมข่าวเฉพาะกิจหนังสือพิมพ์ส่วนกลาง รายงานว่า หลังจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมตำรวจชุดสืบสวน ขุดสืบทรัพย์ ที่หอประชุมสโมสรตำรวจ กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิระพันธ์ ผบก.อธ. ,พ.ต.อ.วรชาติ รสจันทน์ รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง หัวหน้าคณะทำงานสอบสวนของ ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง และ พ.ต.อ.ประสิทธิ์ ปานดำผกก.(กลุ่มงานสอบสวน) ภ.9 ได้นำข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของคดีดังกล่าวไปแจ้งให้ จนท.ปปง.ได้รับทราบโดยละเอียด และในสัปดาห์นี้ จนท.ปปง.ซึ่งได้รับคำสั่งจากเลขาธิการ ปปง. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิระพันธ์ ผบก.อธ. จะเดินทางลงพื้นที่ จ.พัทลุง เพื่อเร่งขับเคลื่อนการยึดทรัพย์จากกลุ่มผู้ต้องหาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจชุดสอบสวนและชุดสิบทรัพย์ของ สตช.จำนวน 10 นาย ได้เร่งตรวจสอบสำนวนการสอบสวนของกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อส่งสำนวนต่ออัยการตรวจสอบพิจารณาสั่งฟ้องรวมทั้งสรุปสำนวนการสอบสวนที่นำไปสู่การยึดทรัพย์จากกลุ่มผู้ต้องหา และขยายผลไปสู่การจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาในชุดที่ 2 ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยึดทรัพย์จากกลุ่มผู้ทุจริตเงินสหกรณ์ฯในครั้งนี้ โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปเก็บภาพการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจชุดดังกล่าวแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ตำรวจชุดสืบทรัพย์ ภ.จว.พัทลุง ได้มีหนังสือไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และสถาบันการเงินบางแห่ง ประมาณ 17 แห่ง เพื่อขอรับทราบการถือครองเงินสด การซื้อขาย การรับย้ายถ่ายโอนของทรัพย์สินทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริม
ทรัพย์นั้น ในขณะนี้ทางชุดสืบทรัพย์ฯได้รับการรายงานในด้านต่างๆของกลุ่มผู้ต้องหาจากหน่วยงานรัฐหลายแห่งแล้ว ซึ่งจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปส่งมอบให้ตำรวจชุดสอบสวน ชุดสืบทรัพย์ สตช. และ จนท.ปปง. เพื่อตำรวจขยายผลนำไปสู่การยึดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหาและการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาในชุดที่ 2 ต่อไป คาดว่าในเบื้องต้นจะสามารถยึดทรัพย์มาได้ไม่น้อยกว่า 250 ล้านบาท
ทางด้านกลุ่มตัวแทนอดีตคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯ ที่ถูกออกหมายจับและเข้ามอบตัวไปแล้ว เผยว่ายังมีเงื่อนปมที่ลึกลับซับซ้อนอีกหลายอย่างในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด ซึ่งพวกตนอยากจะแจ้งข้อมูลดังกล่าวให้ พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิระพันธ์ ผบก.อธ. ได้รับทราบ โดยข้อมูลดังกล่าวนี้ไม่อยากให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน ภ.จว.พัทลุง และ ภ.9 เนื่องจากเกรงว่าความลับจะรั่วไหล ส่วนพวกตนที่ตกเป็นผู้ต้องหานั้นก็พร้อมที่จะให้ทางตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนได้ตรวจสอบทรัพย์สินและเส้นทางทางการเงินตลอดเวลาทั้งในอดีตและปัจจุบัน และเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่ตามกระบวนการยุติธรรม มั่นใจว่าการพบกับพล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิระพันธ์ ผบก.อธ.
ในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์ต่อการยึดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหารายสำคัญอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากข้อมูลของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพัทลุง พบว่ากลุ่มที่ร่วมกันทุจริตเงินสหกรณ์ฯแบ่งเป็น 3 กลุ่ม บางรายได้นำเงินที่ได้จากการทุจริตไปปล่อยดอกเบี้ยนอกระบบจนมีฐานะมั่นคง บางรายนำเงินของครอบ ครัว ญาติพี่น้องมาฟอกเงินในสหกรณ์ นำเงินที่ทุจริตไปสร้างฐานะให้กับครอบครัวและเครือญาติ จนทำให้สถานะการเงินร่ำรวยขึ้นผิดปกติ มีการกว้านซื้อทรัพย์สินที่เป็นสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนมาก และก่อนที่เรื่องการทุจริตจะฉาวโฉ่จนนำไปสู่การแจ้งความนั้น ผู้ร่วมทุจริตบางรายได้มีการถอนเงินไปจากสหกรณ์ฯไปเป็นเงินประมาณ 90 กว่าล้านบาท คงเหลือไว้ในสหกรณ์ฯประมาณ 3 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการยึดทรัพย์จากผู้ต้องหา และบรรดาเครือญาติ ที่นำเงินจากการทุจริตจากสหกรณ์ฯไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวแต่อย่างใด
ทางด้านสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพัทลุงพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อไม่เป็นการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งเพิ่มเติม และให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เห็นควรให้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ชุดปัจจุบัน จำนวน 13 คน ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพัทลุง เข้ากำกับ ดูแล ติดตาม ให้คำแนะนำเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้การดำเนินกิจการของสหกรณ์เป็นผลสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ส่วนเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ที่ถูกออกหมายจับจำนวน 5 คนนั้น สำนักงานสหกรณ์จังหวัดพัทลุงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพัทลุงเข้ากำกับ ดูแล ติดตาม ให้คำแนะนำ ตามที่สหกรณ์ร้องขอแล้วเช่นกัน ซึ่งข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.