“ส.ส.นริศ” เผยสหกรณ์ ตร.พัทลุง บริหารสลับซับซ้อน จนเกิดทุจริตอื้อ
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 5 มิ.ย. 2565, 16:35 น. อ่าน : 762พัทลุง- “นริศ“ ส.ส.พัทลุง ติดใจการบริหารของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจฯ ที่มีข่าวคราวการทุจริต มีการบริหารงานสลับซับซ้อน เร่งขอให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการสอบสวนของตำรวจ
คดีทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด วงเงินไม่น้อยกว่า 1,450 ล้านบาท อยู่ในความสนใจของประชาชนที่เฝ้าติดตามทุกระยะ ล่าสุดพนักงานสอบสวนของ สตช.,บก.ภ.จว.พัทลุง และ บช.ภ.9 ได้ยื่นขอหมายจับต่อศาลจังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 โดย ศาลฯได้อนุมัติหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาจำนวน 24 คน แยกเป็น จนท.สหกรณ์ฯ 8 คน และกลุ่มที่มีพยานหลักฐานที่ปรากฏว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดการทุจริต 16 คน ต่อมาเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ต.อ.ชำนาญ คงชู อดีต ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานตรวจสอบสำนวนคดี กองบังคับการกฎหมายและคดี ภ.9 ซึ่งทราบว่าตนตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวก็ได้ออกมาน้อมรับของการกระบวนการยุติธรรม พร้อมยืนยันเป็นผู้สุจริตและขอต่อสู้คดีตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมต่อไป ตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องนั้น
เกี่ยวกับคดีนี้นายนริศ ชำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเคยเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการนำการลักรังนกในพื้นที่ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง มาแฉกลางสภาฯ จนนำไปสู่การจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาได้มากถึง 47 ราย เปิดเผยว่า ตนได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวการคลี่คลายคดีการทุจริตสหกรณ์ฯทาง นสพ. ไทยรัฐ มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับการร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจากสมาชิกสหกรณ์ฯรายหนึ่งที่ร้องว่าน่าจะถูก จนท.สหกรณ์ฯ ปลอมแปลงลายมือชื่อจนครอบครัวได้รับความเสียหายโดยในเบื้องต้นได้ติดตาม ตรวจสอบ การร้องเรียนดังกล่าวแล้ว
นายนริศกล่าวอีกว่า จากการติดตามคดีทุจริตในสหกรณ์ฯนั้น พบว่าการดำเนินงานของสหกรณ์ฯ น่าจะมีความสลับซับซ้อนในหลายประเด็น ซึ่งหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวจะต้องจะต้องเข้ามาติดตาม ตรวจสอบการบริหารงานของสหกรณ์ฯให้เป็นที่ประจักษ์ของสมาชิกสหกรณ์ฯและประชาชน รวมทั้งให้การบริหารงานของสหกรณ์ฯเป็นไปด้วยความโปร่งใส และก็ต้องยอมรับว่าการทุจริตสหกรณ์ฯในครั้งนี้ได้สร้างภาพลักษณ์ที่เสียหายและสร้างความเดือดร้อนแก่มวลสมาชิกเป็นจำนวนมาก แต่การเข้าไปมีส่วนเข้าไปติดตาม ตรวจสอบ การดำเนินงานของสหกรณ์ฯในครั้งนี้ตนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมจากการทำหน้าที่ของตำรวจแต่อย่างใด และตนจะเร่งรัดให้ผู้รับผิดชอบสอบสวนและแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้เพื่อสร้างความยุติธรรมให้เกิดกับทุกฝ่าย และสร้างความมั่นคงให้กับสหกรณ์ฯ
ทีมข่าวไทยแหลมทองซึ่งทำงานร่วมกับผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจหนังสือพิมพ์ส่วนกลาง รายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพัทลุง พบว่าน่าจะมีการฟอกเงินเกิดขึ้นในสหกรณ์ฯ เนื่องจากพบว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา มีกระแสเงินไหลมาในบัญชีของผู้เกี่ยวข้องในสหกรณ์ฯบางรายอย่างผิดปกติโดยเพฉาะในปี พ.ศ.2559 – 2563 มีเงินเข้ามาของสมาชิกสหกรณ์ฯบางราย ประมาณ 100 ราย ประมาณ 500 – 600 ล้านบาท ซึ่งปกติแล้วหากมีเงินจากภายนอกเข้าสู่ระบบสหกรณ์ฯตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ทาง จนท.สหกรณ์ฯจะต้องแจ้งธุรกรรมการเงินให้ ป.ป.ง. รับทราบตลอดเวลา หรือหากเงินเข้าที่ต่ำกว่านั้นตั้งแต่ 5 แสนบาทบาทขึ้นไปหากมีข้อสงสัยที่ไปที่มาของเงินดังกล่าวก็จะต้องแจ้งให้ ป.ป.ง. ทราบเช่นกัน
ดังนั้นการที่นายนริศฯจะนำ จนท.รัฐจากส่วนกลางเข้ามาตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของสหกรณ์ฯ ซึ่งจะเป็นการทำงานแบบตรงไปตรงมา ก็จะนำไปสู่การตรวจสอบข้อเท็จจริงการฟอกเงินในสหกรณ์ฯกันต่อไป หากพบว่ามีการฟอกเงินเกิดขึ้นในสหกรณ์ฯจริง น่าจะมีกลุ่มผู้รู้เห็นในการฟอกเงินในสหกรณ์ฯอย่างแน่นอน และน่าจะเป็นชนวนเหตุที่สำคัญที่ทำให้เกิดการทุจริตในสหกรณ์ฯในเวลาต่อมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อตอนบ่ายวันที่ 4 มิถุนายน ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ทางด้าน พ.ต.อ.วรชาติ รสจันทน์ รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง ได้เป็นประธานในการประชุมคณะพนักงานสอบสวนของ สตช. / บช.ภ.9 และบก.ภ.จว.พัทลุง เพื่อเตรียมความพร้อมด้านต่างๆที่จะนำไปสู่ขั้นตอนการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดในคดีทุจริตสหกรณ์ฯ ทั้ง 24 ราย ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน 2565 นี้ แต่ยังปฏิเสธที่จะเผยแพร่รายชื่อผู้ต้องหาแก่สื่อมวลชนจนกว่าจะมีการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.